ชี้เบาะแส กกต. ฟันพรรคอีแอบหนุน 'แบ่งแยกดินแดน'

16 มิ.ย. 2566 – ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องพร้อมชี้เบาะแสให้ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบว่ามีกรรมการบริหารหรือพรรคการเมืองใด มีพฤติการณ์สนับสนุนทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังขบวนนักศึกษาที่จัดกิจกรรมเปิดตัวเมื่อ 7 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ณ มอ.วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งมีการจัดทำประชามติแยกดินแดนอันขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตามที่แม่ทัพภาคที่ 4 และเลขาธิการสภาความมั่้นคงแห่งชาติ แถลงไปเมื่อวันก่อน

ทั้งนี้ภายในงาน ปรากฎโดยชัดแจ้งว่ามีการทำแบบสำรวจความคิดเห็นอย่างง่าย ระบุข้อความว่า “คุณเห็นด้วยกับ สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย” และมีช่องให้ใส่เครื่องหมาย ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยในเอกสารที่ทำคล้ายๆ บัตรลงคะแนน หรือบัตรลงประชามติ มีหมายเหตุตอนท้ายว่า ใช้กับชาวปาตานีผู้ที่ลงทะเบียนว่า “อาศัยอยู่ถาวรในพื้นที่ปาตานี หรือ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.สงขลา เฉพาะ อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย”

พฤติการณ์หรือการกระทำดังกล่าว ลำพังขบวนนักศึกษาไม่อาจทำได้ หากไม่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการละเมิดต่อหลักกฏหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 1 ที่บัญญัติไว้ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้” ซึ่งความผิดตามรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดโทษสำหรับบุคคลธรรมดา แต่มีบทลงโทษสำหรับพรรคการเมือง ที่จะถูกยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารได้ ตามม.92(2)(3) หากพิสูจน์ได้ว่ามีพรรคการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว

ส่วนบุคคลธรรมดาหากอยู่เบื้องหลังอาจต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ เพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

“กรณีดังกล่าว ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและของแผ่นดิน องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้ จึงได้นำความพร้อมพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งคลิปวิดีโอในงานดังกล่าว และคลิปวิดีโอการปราศรัยของผู้บริหารพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องมามอบให้คณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดพรรคการเมืองที่เป็นอีแอบอยู่เบื้องหลังขบวนนักศึกษาโดยเร็ว รวมทั้งต้องรีบแจ้งให้ผู้บริหารพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องได้ยุติการกระทำดังกล่าวเสียก่อน ตามมาตรา 22 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 แล้วค่อยเสนอศาลรัฐธรรมนูญลงดาบ ตามมาตรา 92 (2) (3) ตามกฎหมายดังกล่าวต่อไป” นายศรีสุวรรณ ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระทึก! 24 พ.ค.ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งระเบียบ กกต.ว่าด้วย สว.

ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งขอเพิกถอนระเบียบแนะนำตัว สว. ของ กกต. 24 พ.ค.นี้ บก.ประชาไทชี้แม้กกต.ปรับแก้ระเบียบบางส่วน แต่ก็ยังกระทบต่อผู้สมัครสายสื่อ-บันเทิง