ที่ผ่านมานั้น หลังจากที่ผมได้เขียนเว็บนี้ขึ้นมา ก็มีหลายท่านที่ถามเข้ามาว่า อ่านแล้วงงไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน หรือ อ่านแล้วเกิดความสับสนปนเปในเนื้อหาต่างๆ เนื่องจากไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน พออ่านไปก็จับหลายๆเรื่องมาปนกันเอง อย่างนั้นไป ดังนั้นผมจึงคิดว่าควรเขียนบทความแนะนำการใช้งานเว็บก่อนสักนิด รวมถึงบอกเล่าถึงวิชาแต่ละอย่างให้เป็นที่กระจ่างเสียก่อน
ก่อนอื่น ผมขอไล่เรียงที่มาวิชาแต่ละอย่างเสียก่อน ว่าวิชาไหนเกิดก่อน วิชาไหนเกิดทีหลังโดยอ้างอิงวิชาก่อนหน้าอีกที ซึ่งจะทำให้ทุกท่านเข้าใจว่า เวลาอ่านเว็บนี้จะต้องอ้างอิงวิชาไหนกับวิชาก่อนหน้า
เอาล่ะครับ ผมขอไล่เรียงกันเป็นลำดับเลย โดยขอเรียงแค่ลำดับโดยคร่าวๆนะครับ
- นานสุดก็คือต้นกำเนิดของวิชานู่นเลยครับ ย้อนกลับไปถึงยุคเทพนิยาย สมัย ฝูซี ผู้มีร่างเป็นงู สร้างอัฏฐลักษณ์หรือปากว้านี้ขึ้นมานั่นแหละครับ นานขนาดไหน? อาจจะเกิน 6000 ปีได้มังครับ เมื่อท่านเป็นผู้ให้กำเนิดวิชา นั่นย่อมหมายความว่าวิชาใดๆที่เกี่ยวข้องภายหลังจากนี้ย่อมต้องอ้างอิงจากหลังวิชาที่ท่านสร้างขึ้นนี้ ช่วงนี้เราอาจจะเรียกว่าวิชา “อัฏฐลักษณ์” หรือวิชา “ปากว้า” ก็ได้ครับ คือมีรูปแบบของตรีลักษณ์ทั้งแปด และแผนภูมิอัฏฐลักษณ์เท่านั้นครับ ซึ่งผมเขียนเรื่องในช่วงนี้ลงในกลุ่มหมวด “อัฏฐลักษณ์” นั่นแหละครับ และเนื้อหาวิชาในหมวดอื่นทั้งหมด ต้องอ้างอิงความรู้พื้นฐานจากหมวดนี้ครับ
- หลังจากนั้นมันก็ข้ามนู่นนี่เยอะเอาเรื่อง วิชาย่อยๆในช่วงนี้มันก็หายไปหมดแล้ว ก็ล่วงเลยมาจนถึงยุคของกษัตริย์ โจวเหวินหวัง (หรือบางทีผมก็เขียนสั้นๆเป็น เหวินหวัง) ในช่วงปลายราชวงค์ซาง ราวสามพันกว่าปีก่อนเลยละกันครับ ซึ่งท่านได้เขียนตำราโจวอี้ขึ้นมา กลายเป็นคัมภีร์ที่มีอักษรคัมภีร์เดียวที่ยังเหลือถึงปัจจุบัน และใช้เป็นอีกหนึ่งต้นตอของวิชาทั้งปวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคัมภีร์โจวอี้นี่แหละที่เรียกว่าอี้จิง ดังนั้นช่วงแรกของฝูซีนั้นไม่มีอักษรอธิบาย แต่ในส่วนช่วงของเหวินหวังมีการเรียบเรียงใหม่เป็นคัมภีร์ และมีการกำหนดฉักลักษณ์ด้วย และรวมถึงมีการสร้างแผนภูมิอัฏฐลักษณ์แบบหลังสวรรค์ด้วย โดยเนื้อหาของคัมภีร์อี้จิงผมจะจัดในหมวด “คัมภีร์โจวอี้” ส่วนเนื้อหาในส่วนของรูปแบบฉักลักษณ์ และการเรียงลำดับต่างๆ รวมถึงเนื้อหาใดๆที่จะมีผู้อ้างอิงถึงในส่วนเรื่องของฉักลักษณ์นั้น ผมจะใส่ในหมวด “ฉักลักษณ์” ครับ และแผนภูมิอัฏฐลักษณ์แบบหลังสวรรค์นั้น ผมจะวางในหมวด “อัฏฐลักษณ์” ครับ ดังนั้น ทั้งสามหมวดนี้จึงมักถูกอ้างอิงโดยวิชาในหมวดอื่นๆด้วย โดยเฉพาะลำดับฉักลักษณ์ของเหวินหวัง และเนื้อความคัมภีร์อี้จิงนั้น จะถูกอ้างอิงจากทุกสายวิชาในภายหลังอย่างแน่นอน
- แล้วก็ล่วงเลยไปปลายราชวงค์โจวครับ ในยุคของ ขงจื้อ ก็ราว 2500 ปีก่อน มังครับ ราว 551 – 479 ปีก่อน ค.ศ. ขงจื้อได้เขียนบทอธิบายและขยายความคัมภีร์โจวอี้ของโจวเหวินหวังไว้ เนื้อหาส่วนนี้ อาจจะจัดในส่วน “อี้จิงปรัชญา” ครับ
- ผ่านปราชญ์มากมาย แต่ข้ามไปที่ราชวงค์ฮั่นเลยครับ ไปที่ท่าน เจียวก้าน ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านจิงฝาง ผู้เขียน “เจียวซื่ออี้หลิน” ช่วงที่อยู่ก็น่าจะราวสองพันหนึ่งร้อยปีก่อน จำปีไม่ได้ ผมยังไม่ได้เอาเนื้อหาท่านมาลง(ในตอนที่เขียนบทความนี้) แต่อนาคต ค่อยว่ากันครับ
เราข้ามมาที่ท่าน จิงฝาง ราว 77 – 37 ปี ก่อน ค.ศ. ซึ่งเป็นศิษย์ท่านเจียวก้านกันเลยดีกว่าครับ ท่านเป็นผู้กำหนดลำดับฉักลักษณ์แบบจิงฝางหรือวิชาแปดวิหารขึ้น และวิธีน่าเจี่ยแบบจิงฝาง ซึ่งเป็นพื้นฐานวิชาลิ่วเหยา ดังนั้นวิชาของท่านจิงฝางจึงเป็นหนึ่งในวิชาการเรียงลำดับฉักลักษณ์ที่เป็นเอกเทศแบบหนึ่ง ดังนั้นเวลาอ่านงานท่านให้พยายามแยกจากลำดับแบบของท่านเหวินหวังไปพลางๆ แต่ยังอ้างอิงวิชาเดิมคือวิชา ในข้อ 1. อยู่ - กระโดดไปยุคราชวงค์ซ่งเลยเอ้า ไปลงที่ท่าน เส้าคังเจี๋ย ราวพันปีก่อนครับ ค.ศ.1011—1077 ท่านให้กำเนิดวิชา “เหมยฮวาอี้ซู่” หรือ “อี้จิงดอกเหมย” ครับ ดังนั้นวิชานี้จึงเป็นวิชายุคหลังมาอีก ซึ่งอ้างอิงวิชาก่อนหน้านี้ แต่เวลาอ่านวิชาก่อนหน้านี้ อย่าไปเอาวิชานี้มาอ้างเป็นหลักนะครับ มันจะพลาดเอาดื้อๆ
เอาล่ะครับ คร่าวๆกันแล้วนะครับ ทีนี้เรามาสนใจในแง่ของการศึกษาแบบแบ่งหมวดหมู่กันดูครับ เนื่องจากว่าวิชานี้กว้างใหญ่ไพศาล จากวิชาเดียวยังแตกแขนงไปอีกมาก เราก็จำต้องแบ่งหมวดหมู่จะได้ง่ายไม่สับสนนะครับ
อย่างแรกเลย เว็บของเราเป็นเว็บบล็อก เนื้อหาจะแบ่งเป็นเนื้อหาเฉพาะซึ่งอาจจะมีหลายตอนก็ได้ แต่การเรียงลำดับจะขึ้นกับวันที่ผมอัพเดท ทำให้เนื้อหามันจะขึ้นมาปนๆกัน ดังนั้นเวลาอ่าน ถ้าติดตามอยู่แล้ว ก็อ่านจากบทความหลังสุดมาหน้าสุดครับ เวลาอัพเดทบทความใหม่มันก็จะขึ้นบนสุดหน้าแรก
แต่ถ้าอยากศึกษาเป็นเรื่องเป็นราวและเพิ่งเข้ามาอ่าน ผมแนะนำว่า หลังจากอ่านบทความนี้แล้วก็ให้ไปคลิกอ่านเป็นหมวดๆเอาครับ จะได้ไม่ต้องสับสนปนกัน ผมขอไล่รายละเอียดทีละหมวดนะครับ
– หมวดแรก โลกของอี้จิง เป็นหมวดแนะนำทั่วไปครับ ไม่ว่าศึกษาวิชาอะไรจากหมวดไหนมาก็อ่านหมวดนี้ได้ครับ มีตั้งแต่การแนะนำวิชา แนะนำบุคคล ประวัติความเป็นมา ต่างๆครับ ดังนั้นทุกหมวดจะโยงถึงหมวดนี้ได้ครับ
– หมวดถัดมา อี้จิงปรัชญา ตอนที่เขียนบทความนี้ยังไม่มีเนื้อหาใดๆในหมวดนี้ครับ เนื่องจากยังหาเนื้อหาถูกใจมาลงไม่ได้ แต่ก็เป็นเรื่องปรัชญาทั่วไปที่เกี่ยวข้องในวิชาอี้จิงและอัฏฐลักษณ์นี่แหละครับ ไม่ว่าจะศึกษาวิชาใดก็อ่านหมวดนี้ได้ครับ
– หมวดถัดมา อัฏฐลักษณ์ เนื้อหาส่วนนี้ อ้างอิงตามข้อ 1. ข้างต้นครับ ถือเป็นพื้นฐานวิชาในส่วนสัญลักษณ์เลย ดังนั้น ในทุกสายวิชาต้องอ่านหมวดนี้ให้ได้ครับ ไม่งั้นไม่เข้าใจพื้นฐานครับ อ้อ มีในส่วนของแผนภูมิอัฏฐลักษณ์หลังสวรรค์ของเหวินหวัง ในข้อ 2. ด้วยนะครับ
– หมวดถัดมาอีก ฉักลักษณ์ เนื้อหาส่วนนี้ อาจจะมีหลากหลายสักนิด แต่ก็จัดในหมวดเดียวกัน โดยหลักจะเป็นชื่อและลำดับฉักลักษณ์ของเหวินหวังครับ โดยทั่วไปในทุกสายวิชาก็อ่านส่วนนี้ได้ แต่หากเป็นลำดับฉักลักษณ์ของจิงฝาง จะเน้นที่กลุ่มผู้เรียนวิชาอี้จิงสายพยากรณ์อย่างวิชาลิ่วเหยาครับ ต้องชัดเจนนิดนึงนะครับว่า ถึงแม้ว่าเรื่องฉักลักษณ์ของเหวินหวังกับจิงฝางจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน เช่นจิงฝางก็ใช้ชื่อฉักลักษณ์จากของเหวินหวัง แต่ก็ยังเป็นคนละอย่าง คนละแนวคิดนะครับ ถ้าคนไม่สนใจวิชาลิ่วเหยา ก็เน้นในส่วนของเหวินหวัง และอ่านของจิงฝางเสริมความรู้บ้างก็พอครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมจะวางส่วนฉักลักษณ์ของเหวินหวังไว้ในหมวดย่อยเป็น “ความรู้พื้นฐาน” และลำดับฉักลักษณ์ของท่านอื่นๆเป็น “บทความพิเศษ” (คือไม่อ่านก็ได้ ถ้าไม่ได้สนใจ หรือศึกษาวิชาที่เกี่ยวข้องเป็นพิเศษ)
– หมวดถัดมา คัมภีร์โจวอี้ หมวดนี้เนื้อหาจะเป็นส่วนจากยุคในข้อ 2. ข้างต้นครับ ถือเป็นพื้นฐานวิชาที่ต้องศึกษาไม่ว่าจะเรียนสายใดก็ตาม แต่เป็นเนื้อหาวิชาในส่วนของคัมภีร์และเนื้อหาเชิงข้อความ โดยจำนำข้อความของคัมภีร์อี้จิงมาแปลครับ มีทั้งสิ้น 64 บท แบ่งเป็นสองคัมภีร์ และความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคัมภีร์นี้ก็อยู่ในหมวดนี้ครับ ย้ำว่าทุกท่านควรศึกษาหมวดนี้ครับ
– หมวดถัดมาอีก อี้จิงพยากรณ์ หมวดที่มีปัญหาในการสับสนที่สุด เพราะแต่ละวิชาในหมวดนี้ มันคือวิชาวิชาหนึ่งเลย แบ่งกันออกเป็นแต่ละวิชาไป โดยอ้างอิงหลักการพื้นฐานเดียวกัน แต่ว่าแต่ละวิชาไม่เกี่ยวกัน ดังนั้นผมขออธิบายทีละหมวดย่อยละกันนะครับ
— ในส่วนของ ความรู้ทั่วไป ก็เป็นพื้นฐานในด้านนี้ ก็อ่านกันทั่วไปได้ครับ สำหรับผู้จะศึกษาด้านการพยากรณ์
— ส่วนของ โจวอี้พยากรณ์ มันก็คือการเสี่ยงทายแล้วไปเปิดคัมภีร์โจวอี้ ในหมวด คัมภีร์โจวอี้ นั่นแหละครับ แต่อธิบายวิธีตีความเพิ่มเติมในส่วนนี้ น่าจะไม่มีอะไรสับสนนัก พื้นฐานวิชาส่วนนี้ก็มาจากยุคสมัยในข้อ 2. ครับ
— ในส่วนของ อี้จิงดอกเหมย อยู่ในยุคข้อ 5. ครับ เป็นวิชาที่ควรอ้างอิงหมวดอื่นๆทั้งหมด แต่หมวดอื่นๆไม่ควรมาอ่านปนกับวิชานี้ครับ เพราะวิชานี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเป็นเอกเทศเพื่อทพนาย โดยอ้างอิงจากหลักการพื้นฐานที่มีมาก่อนหน้านี้ ถ้าให้แนะนำ ก็อ่านหมวด อัฏฐลักษณ์ เพิ่มครับผม อ้อ อย่าไปสับสนหรือเอาไปรวมกับวิชาพยากรณ์อื่นนะครับ วิชานี้ก็คือวิชานี้
— ในส่วนของ ทำนายหกเส้น หรือวิชาลิ่วเหยา เป็นวิชาที่ค่อนข้างเอกเทศในทางทำนายเลย ไปเหมือนพวกวิชาดวงจีนมากกว่าวิชาอี้จิงอีก ไม่ควรปนกับหมวดอื่นๆ แม้แต่กับส่วนของวิชาทำนายดอกเหมยเอง(ถึงปัจจุบันจะมีคนใช้ร่วมกัน แต่มันก็คนละวิชา) หมวดพื้นฐานที่อ่านร่วมได้ ก็มีหมวด อัฏฐลักษณ์ ซึ่งเป็นพื้นฐานทุกวิชาอยู่แล้ว กับหมวด ฉักลักษณ์ ในส่วนของบทความที่เกี่ยวข้องกับจิงฝาง(พยายามอย่าปนกับส่วนของเหวินหวังนะครับ) ดังนั้นในส่วนนี้ ขอว่าอย่าพยายามอย่าเอาหลักในส่วนนี้ำไปปนกับส่วนอื่นนะครับ ผมเห็นพลาดมาเยอะแล้ว
ให้สรุปง่ายๆนะครับ หมวดพยากรณ์ ถือว่าเป็นวิชาต่างหาก ที่มาตั้ง มาคิดค้นกันภายหลัง และเอาพื้นฐานดั้งเดิมมาอธิบายวิชาของตน ดังนั้นตัววิชาเองจึงมักจะเป็นเอกเทศ ไม่ควรนำมาปะปนกันเอง หรือสับสนโดยเอาหลักพวกนี้ไปอ้างถึงวิชาพื้นฐานที่มีมาแต่เดิมครับผม
ทั้งหมดนี้ ก็หวังว่าช่วยเป็นแนวทางให้ได้นะครับ สรุปง่ายๆคือ นับแต่โบราณมา พื้นฐานวิชาแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ ส่วนอัฏฐลักษณ์และหลักการเชิงสัญลักษณ์พื้นฐานจะมาจาก ฝูซี ในข้อ 1. ส่วนในส่วนของคัมภีร์ เนื้อความ และฉักลักษณ์ จะมาจากกษัตริย์ โจวเหวินหวัง ในข้อ 2. สองส่วนนี้จะถูกอ้างอิงจากปราชญ์ที่มาอธิบายอี้จิงในยุคหลังทั้งสิ้นครับ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป แง่มุมการศึกษาก็ยิ่งมายิ่งมาก แต่ก็ยังยืนอยู่บนหลักการพื้นฐาน ดังนั้นวิชาในยุคต่อๆมาควรแบ่งให้ชัดเจนว่า เรากำลังศึกษาวิชาใด ของท่านใด อยู่ในสายวิชาไหน อย่าได้สับสนครับ
ผมก็พยายามเขียนให้เข้าใจง่ายเต็มที่ละครับ ก็หวังว่าจะเข้าใจแนวทางการศึกษามากขึ้นนะครับ มีอะไรสงสัยก็โพสถามที่ท้ายบทความได้เลยครับ