การทำให้พนักงานเกิดความรักในการทำงาน (Employee Work Passion)

การที่คนเรามีความรักในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราก็จะทำสิ่งนั้นอย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ มากมาย พนักงานเองก็เช่นกัน ถ้าเขามีความรักในการทำงานที่เขาทำ เขาก็จะลงมือทำงานอย่างเต็มความสามารถ โดยที่ไม่มาสร้างเงื่อนไขต่างๆ ให้ผู้จัดการต้องปวดหัวมาหาวิธีในการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน เพื่อให้เขาอยากที่จะทำงานสร้างผลงาน

Ken Blanchard ซึ่งเป็นอีกท่านหนึ่งที่ถือว่าเป็นกูรูทางด้านการสร้างภาวะผู้นำ ได้ทำการวิจัยและศึกษาหาปัจจัยที่จะทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกรักในงานและมีความปรารถนาที่จะทำงานในองค์กรนั้นอย่างเต็มใจ ซึ่งเขาใช้ชื่อภาษอังกฤษว่า Employee Work Passion

สิ่งที่งานวิจัยนี้ได้ศึกษาไว้ก็คือ ศึกว่าว่าอะไรที่เป็นปัจจัยทำให้พนักงานเกิดความรัก และอยากที่จะทำงานให้กับบริษัทอย่างเต็มที่ ประเด็นแรกก็คือประเด็นในระดับองค์กร เพื่อดูว่าในองค์กรจะต้องมีอะไรบ้างที่ทำให้พนักงานรู้สึกมี Passion ในการทำงาน (Organizational Factors)

  • Collaboration องค์กรจะต้องมีการสนับสนุนให้พนักงานได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน เปิดใจ แสดงความคิดเห็นกันได้อย่างเปิดเผย มีการทำงานเป็นทีมที่ดี ไม่มีความขัดแย้งกันทั้งในระดับพนักงาน และระดับหน่วยงาน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้พนักงานได้แสดงความเห็น และมีความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับผู้อื่นที่ทำงานด้วยกัน ซึ่งความรู้สึกที่ดีตรงนี้เอง ที่จะทำให้พนักงานเกิด Passion ในการทำงานได้
  • Distributive Justice องค์กรจะต้องมีการกระจายความเป็นธรรมสู่พนักงานในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขอบเขตการทำงาน ค่าจ้างเงินเดือน การใช้กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ และการบริหารทรัพยากรต่างๆ ในองค์กรเพื่อให้พนักงานทุกคนได้เห็นว่าองค์กรต้องการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับพนักงานทุกคน ซึ่งความเป็นธรรมนี้เองที่จะส่งเสริมให้พนักงาน (โดยเฉพาะกลุ่ม Talent) เกิดความอยากที่จะทำงานในองค์กร ไม่มีการลำเอียง หรือการแบ่งสรรปันส่วนทรัพยากรเพื่อเอื้อผลประโยชน์ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง สังเกตมั้ยครับว่าถ้าองค์กรใดพนักงานมีความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของการทำงานแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พนักงานจะไม่รู้สึกรักงานที่ทำเลย ทำแค่ให้อยู่รอดไปวันๆ เท่านั้น
  • Growth คือมีโอกาสที่จะเติบโตในองค์กรได้ พนักงานจะเกิด work passion ได้ก็ต่อเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นสามารถทำให้เขาก้าวหน้าไปถึงไหน และองค์กรมีการส่งเสริมให้เขามีความก้าวหน้าสักเพียงใด ถ้าองค์กรใดพนักงานรู้ว่าทำงานแล้วมีความก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เขาจะมีความรักและความทุ่มเทให้กับการทำงานมากขึ้น
  • Performance Expectation คนจะรักงานที่ตนเองทำได้นั้นต้องรู้สึกว่า ตนเองมีคุณค่าต่อองค์กร ดังนั้นถ้าองค์กรสามารถทำให้พนักงานรับรู้ว่า องค์กรคาดหวังผลงานอะไรจากเขา และทำให้เขารู้ว่าองค์กรเราขาดเขาไมได้เพราะพนักงานคนนี้มีความสามารถที่จะทำให้องค์กรเจริญขึ้นไปอีก ดังนั้นสิ่งที่องค์กรต้องส่งเสริมให้เกิดก็คือ การบอกถึงความคาดหวังทางด้านผลงานแก่พนักงานแต่ละคน เพื่อให้พนักงานรับทราบว่าตนเองมีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กรอย่างไร เมื่อรู้ดังนี้แล้ว พนักงานจะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของงาน และจะเกิด passion ในการทำงานมากขึ้น

4 ปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้น ถือว่าเป็นปัจจัยในระดับองค์กร ซึ่งผู้บริหารทุกระดับที่ทำหน้าที่บริหารองค์กรจะต้องสร้างบรรยากาศ และวัฒนธรรมต่างๆ ขององค์กรให้เป็นไปตามนั้นให้ได้ ผู้วิจัยได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า การที่จะสร้าง Work Passion ให้กับพนักงานได้นั้น จุดสำคัญในปัจจัยระดับองค์กรก็คือ ตัวผู้นำทั้งหลายจะต้องทำให้เกิดปัจจัยต่างๆ เหล่านั้นเอง มันไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัตินะครับ ไม่ว่าจะทำให้เกิดบรรยากาศในการทำงานเป็นทีม การเปิดคุยกัน การสร้างความเป็นธรรมในรูปแบบต่างๆ ในองค์กร การสร้างความก้าวหน้าในการทำงาน และการบอกถึงความคาดหวังให้กับพนักงาน ล้วนแล้วแต่เป็นหน้าที่ของผู้บริหารทุกระดับในองค์กรที่จะต้องสร้างมันขึ้นมา

CEO นี่แหละที่มีความสำคัญสูงสุด เพราะเป็นผู้ส่งเสริมและสนับสนุน รวมทั้งสร้างวัฒนธรรมในการทำงานในองค์กรได้ ไม่ใช่แค่พูดแต่ปาก หรือแค่เพียงกำหนดเป็นตัวอักษรเขียนแปะไว้ข้างฝาว่า เราจะเป็นองค์กรที่ทำให้พนักงานรู้สึกรักที่จะทำงาน แต่ตัว CEO กลับไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่เคยสร้างบรรยากาศในการทำงานร่วมกันกับพนักงานเลย ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อให้เกิดปัจจัยที่ดีข้างต้น สุดท้ายนโยบายก็เป็นแค่นโยบาย ไม่ได้ส่งผลในทางปฏิบัติแต่อย่างใด

สุดท้ายพนักงานก็รู้สึกแค่เพียงว่า ทำงานไปวันๆ ก็พอแล้วไม่เห็นจะต้องทุ่มเท หรือให้ความรักแก่งานที่เราทำเลย เพราะพนักงานรู้สึกว่าองค์กรก็ไม่ได้รักเขาเช่นกัน

2 thoughts on “การทำให้พนักงานเกิดความรักในการทำงาน (Employee Work Passion)

Add yours

  1. บทความนี้ อ่านแล้วทำให้ผมมองภาพว่าองค์กรนั้นเป็นอะไรที่เหมือนกับการจัดสภาวะแวดล้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ได้ไอเดียมากยิ่งขึ้นครับ ถ้ามีกรณีศึกษาเหล่านี้มากขึ้น คงจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ดีมากขึ้นครับ

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

Up ↑