ผู้บริหารกับนโยบายในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนที่ต้องตัดสินใจ

mgtandpositioning

ค่าจ้างเงินเดือนเป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารธุรกิจในยุคปัจจุบัน เมื่อไหรที่ธุรกิจยังต้องการทรัพยากรบุคคล เราก็ยังคงต้องมีการจ่ายค่าจ้างค่าตอบแทนให้กับทรัพยากรบุคคลเหล่านี้ องค์กรของเราจะได้คนแบบไหนเข้ามาทำงาน คนเก่งที่อยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศ หรือคนที่คนอื่นเขาไม่ต้องการแล้ว เรื่องของนโยบายในการบริหารค่าจ้างเงินเดือน มีส่วนสำคัญในการกำหนดว่า องค์กรของเราต้องการคนแบบไหนเข้าทำงาน

ดังนั้น ผู้บริหารจะต้องพิจารณาและตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อให้ระบบบริหารค่าจ้างเงินเดือนของบริษัทสามารถตอบเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของตัวมันเองได้ ซึ่งก็คือ “การดึงดูด และการรักษาพนักงานให้ทำงานกับบริษัท”

นโยบายในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนหลักๆ ที่ผู้บริหารระดับสูงจะต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดก็คือ เรื่องของระดับตำแหน่งในการจ่ายค่าจ้างเงินเดือนของบริษัทตนเอง

ระดับการจ่ายของบริษัท ที่ผู้บริหารจะต้องพิจารณานั้น ก็คือ ระดับของการแข่งขันในการจ้างคนว่า เราแข่งกับตลาดกลุ่มใด และต้องการพนักงานที่มีคุณสมบัติแบบใด ฝีมือดีสักแค่ไหน โดยทั่วไประดับการจ่ายที่มักจะคุยกันในแวดวงการบริหารค่าจ้างเงินเดือนจะมีอยู่ 3 ระดับก็คือ

  • Percentile 25 จะเป็นระดับการจ่ายที่ต่ำกว่าการแข่งขันของตลาดทั่วไป ซึ่งมักจะเป็นระดับที่มีไว้เพื่อเทียบเคียงกับอัตราการจ่ายจริงของเราเอง เพื่อดูว่า เราอยู่ในระดับใดของตลาด แต่คงไม่มีนายจ้างคนใดกำหนดระดับการจ่ายไว้ที่ P25 แน่นอน เพราะถ้ากำหนดไว้ในระดับนี้ ก็แปลว่า เรามีเป้าหมายที่จะจ่ายต่ำกว่าตลาดทั่วไป แล้วแบบนี้ใครจะกล้ามาสมัครงาน หรืออยากทำงานกับบริษัท จริงมั้ยครับ
  • Percentile 50 เป็นระดับการจ่ายที่แข่งขันได้กับตลาดที่เราต้องการเปรียบเทียบด้วย ซึ่งระดับในการจ่ายที่ P50 นี้มักเป็นนโยบายในการจ่ายค่าจ้างของบริษัทส่วนใหญ่ในตลาด เพราะไม่ต้องจ่ายมากเกินไป หรือน้อยเกินไป จ่ายให้ทัดเทียมกับตลาดก็น่าจะแข่งขันได้แล้ว สิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาในการกำหนดระดับการจ่ายที่ P50 นี้ก็คือ ตลาดที่เราต้องการเปรียบเทียบด้วยว่าเป็นกลุ่มไหน เอาให้ชัดเจน ซึ่งโดยทั่วไปก็มักจะเทียบกับบริษัทที่แข่งขันในการว่าจ้างคนกับบริษัทของเรา มีธุรกิจใกล้เคียงกัน ทั้งด้านขนาด และจำนวนพนักงาน เป็นต้น เราต้องกำหนดกลุ่มการแข่งขันให้ชัดเจน เพื่อที่จะใช้เป็นแนวทางในการทำการสำรวจค่าจ้างเงินเดือน
  • Percentile 75 เป็นระดับการจ่ายที่เรียกได้ว่า จ่ายสูงกว่าตลาดทั่วไป บริษัทที่ตัดสินใจกำหนดระดับการจ่ายที่ P75 นั้น มันบอกโดยอัตโนมัติว่า บริษัทมีนโยบายการจ่ายค่าจ้างเงินเดือนที่สูงกว่าตลาดทั่วไป การกำหนดระดับการจ่ายที่ P75 นี้ มักจะเกิดกับบริษัทที่ต้องการพนักงานที่มีคุณสมบัติแบบโดดเด่น และมีฝีมือมากๆ ให้เข้ามาร่วมงานกับบริษัท เพื่อพัฒนาบริษัทให้ไปอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะเป็นบริษัทที่ชื่อเสียงยังแข่งกับบริษัทใหญ่กว่าไม่ได้ ก็เลยต้องอาศัยระดับการจ่ายค่าจ้างเงินเดือนที่สูงกว่ามาเป็นตัวกระตุ้นและดึงดูดคนให้เข้ามาสมัคร และทำงานกับบริษัท
  • Percentile 60 หรือ 65 ปัจจุบันเริ่มมีหลายบริษัทที่กำหนดนโยบายระหว่าง P50 กับ P75 กล่าวคือ ต้องการจ่ายสูงกว่าตลาดทั่วไป แต่ไม่ต้องการที่จะจ่ายสูงจนเท่ากับ P75 ก็เลยใช้ตัวเลขระหว่าง P50 และ P75 มากำหนดเป็นนโยบายในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนของบริษัท อย่างน้อยก็ช่วยทำให้บริษัทมีอัตราค่าจ้างเงินเดือนที่สูงกว่าตลาดทั่วไปที่เขาจ่ายกันอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อดึงดูดคนเก่งๆ เข้ามาทำงานได้มากขึ้นกว่าเดิม

จะกำหนดนโยบายในการจ่ายที่ตำแหน่งไหนนั้น ผู้บริหารระดับสูงจะต้องกำหนดให้ชัดเจน เพราะถ้าเรากำหนดไม่ชัดเจน คนที่ทำหน้าที่ในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนของบริษัทก็จะไม่สามารถที่จะกำหนดแนวทางในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราแรกจ้างตามวุฒิการศึกษา โครงสร้างเงินเดือน อัตราการขึ้นเงินเดือนตามผลงาน การต่อรองเรื่องของเงินเดือนค่าจ้าง ฯลฯ

ยิ่งไปกว่านั้นบางบริษัท โดยทางนโยบายแล้วกำหนดไว้ว่า จ่ายที่ P75 แต่ในทางปฏิบัติกลับจ่ายอยู่ที่ P50 ก็มี เหมือนกับบอกว่า เราจ่ายสูงนะ แต่เอาเข้าจริงๆ ผู้บริหารเองก็กดตัวเลขเงินเดือนค่าจ้างไว้ ไม่ให้มันสูงจนเกินไป ถ้าเป็นแบบนี้ ผมคิดว่า ปรับนโยบายให้เป็น P50 ก็น่าจะดีกว่านะครับ เพราะพนักงานเองคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ก่อนมาทำงานรับทราบว่า บริษัทนี้จ่ายสูง แต่พอได้เข้ามาทำงานจริงๆ กลับไม่เห็นจะได้ตามที่บริษัทบอกไว้เลย

แบบนี้มันเสียความรู้สึกของพนักงานอย่างมากมายเลยครับ

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .

Up ↑