เรื่องเล่าสาวเดินดอย – ทะยานสู่ดอยม่อนจอง อมก๋อย เขตภัยหนาวปี 54

“สาวดอยจะไปสอยดาว สาวดาวจะไปสอยดอย” ครั้งนี้สาวเดินดอยคนนี้จะพาไปแบกเป้เดินกันที่ “ดอยม่อนจอง” อ.อมก๋อย จ. เชียงใหม่ (16-18 ธ.ค. 54) ซึ่งถ้านับจำนวนครั้งที่มาที่นี่ น่าจะประมาณ 3 – 4 คร้้งแล้ว แต่ก็ยังประทับใจไม่รู้ลืม โดยเฉพาะเวลาได้กลับมามองภาพถ่าย ณ ที่แห่งนี้อีกครั้ง

หลังจากเปิดทีวีดูรายการข่าวสุดฮอตของเมืองไทย ข่าวว่า อมก๋อย เป็นอำเภอที่ได้ชื่อว่าประสบภัยหนาวไปเสียแล้ว งานนี้พวกเราชาวแบกเป้ ไม่รอช้ากำหนดนัดหมายกันเรียบร้อยหวังจะหนีร้อนไปพึ่งเย็น อยากมุ่งหน้าจากเมืองกรุง ศิวิไลซ์ ไปเยือนอำเภอที่ได้ชื่อว่าหนาวเหน็บสุดขั้ว โดยจุดหมายที่เราจะไปกันก็คือ “ดอยม่อนจอง” อย่างที่ ได้เกริ่นเอาไว้นั่นเอง

ที่ตั้ง ดอยม่อนจอง อยู่บนทิวเขาถนนธงชัยตอนกลาง มีสภาพทางธรณีวิทยาเป็นภูเขาหินปูนผสมหินทราย หินเซลล์ และหินแกรนิตปะปนกันไป ไหล่เขาด้านตะวันออกจะค่อย ๆ ลาดลงไปและถูกปกคลุมไปด้วยป่าดิบเขาแน่นขนัด ส่วนด้านตะวันตกเป็นหน้าผาตัดสูงชัน มองไกลออกไปตามสันเขาแคบ ๆ ที่เลียบเลาะไปตามไหล่ผา ทิศใต้ก็จะเห็นยอดภูผาดอยม่อนจอง ที่มีลักษณะคล้ายหัวสิงห์ชูยอดเด่นตระหง่าน

คำว่า “ม่อน” เป็นภาษาคำเมืองที่หมายถึง “ดอยหรือเนินเขา” ส่วนคำว่า “จอง” นั้นภาษาคำเมืองจะออกเสียงว่า “จ๋อง” หมายถึง “ลักษณะจั่วสามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด” ซึ่งเรียกตามลักษณะภูมิประเทศที่เป็นยอดเขาและมีหน้าผาสูงชัน

ที่นี่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร เป็นดินแดนแห่งพฤกษาและมวลสรรพสัตว์ที่ใช้ชีวิตอาศัยอยู่อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น กวางผา เลียงผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน 2 ใน 15 ชนิดของเมืองไทย และโขลงช้างป่า เป็นต้น ในช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงวันเวลาของกุหลาบพันปีที่มีชื่อเฉพาะว่า “คำแดง” หรือที่เรากลุ่มคนแบกเป้มักเรียกติดปากว่า “กุหลาบพันปี” ที่กำลังออกดอกแย้มกลีบบานสะพรั่งเต็มต้นอยู่เป็นดงตามไหล่เขา

การเดินทางไปชมวิวบนยอดดอย จะต้องจ้างรถโฟร์วีล ของชาวบ้านเข้ายังตีนดอย เพราะรถตู้หรือรถเก๋งไม่สามารถขับเข้าไปได้เนื่องจากเป็นทางชัน และต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะทางของคนในพื้นที่ ไม่เช่นนั้นอาจขับตกเขาก่อนได้ขึ้นดอยก็เป็นได้ ดังนั้นคนที่ต้องการไปเดินดอย จะต้องทำการเปลี่ยนรถกันที่เขตพิทักษ์ป่าดอยมูเซอ ซึ่งเราได้โทรนัดหมายชาวบ้านไว้ล่วงหน้าแล้ว และที่นี่ยังเป็นสถานที่นัดหมายเจอลูกหาบที่จะมาทำหน้าที่หาบสัมภาระส่วนกลางของพวกเราขึ้นไปด้วย อาทิ กระทะ เตา ไข่ไก่สด ผัก เครื่องปรุงรส ฯลฯ ที่สำคัญเราจะต้องทำการนัดหมายลูกหาบเอาไว้ล่วงหน้าด้วยนะ ไม่อย่างนั้นแบกของกันเองนะเออ แล้วจะหาว่าไม่เตือน ส่วนเป้หลังให้แบกของใครของมันนะจ๊ะ

เวลาที่เราเดินขึ้นดอยไม่นานมาก ประมาณ 3 ชั่วโมง ค่อย ๆ เดินไป ถ่ายภาพไป ชมวิวไป เดี๋ยวเดียว อึดใจก็ถึง พวกเราไปพักกางเต็นท์กันที่จุดกางเต็นท์ ในหุบหลังสนามกอล์ฟช้าง เมื่อวางสัมภาระเรียบร้อย ก็ได้เวลาหุงหาอาหาร ที่จุดกางเต๊นท์นี้จะใกล้กับน้ำซับ ทำให้ไม่ต้องแบกน้ำขึ้นดอยเหมือนเวลาขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาว แต่ทว่าก็ต้องมีการจัดเตรียมอาหารให้พอในการหุงหารับประทานระหว่างที่อาศัยอยู่บนดอยแห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะพักกันไม่เกิน 2 วัน เพราะมีหน้าที่การงานบังคับ

ส่วนห้องน้ำเป็นแบบเปิดโล่ง แล้วแต่ใครใคร่อยากเดินทักทายพืชพันธุ์ไม้ที่ตรงไหนก็ไปตรงนั้น ใครที่เดินขึ้นดอยช่วงหลัง ๆ ควรระวังกับดักที่คนมาก่อนทำเอาไว้ ค่อนข้างลำบากสำหรับผู้หญิง แต่ถ้าขึ้นไปแล้วก็ไม่เสียดายแน่นอนที่ได้มา ไม่เชื่อลองคลิกเข้าไปดูรายการพี่ติ๊กดูสิ (เนวิเกเตอร์)

ในวันที่เราไป อากาศสบาย ๆ อุณหภูมิประมาณ 13 องศา กลุ่มคนแบกเป้ที่รวมตัวกันมานั้น บ้างก็รู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่บางคนก็มาสนิทสนมกัน ณ ที่แห่งนี้ รับรองเลยว่ามิตรภาพหาได้ทุกที่ในประเทศไทยจริง ๆ

ได้เวลาออกมาเติมพลัง ชาร์ตแบตให้กับชีวิตกันแล้ว ก็อย่าลืมจด “ดอยม่อนจอง” เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ควรพลาดในการมาทักทายสายลม สายหมอก กันนะคะ

การเดินทางไปที่ดอยม่อนจอง เมื่อเริ่มต้นที่จ.เชียงใหม่ ให้ใช้เส้นทางหลวง 108 ผ่านอ.หางดง อ.สันป่าตอง อ.จอมทอง อ.ฮอด ระยะทางประมาณ 85 กม. แล้วเจอวงเวียน ให้ไปทางถนนด้านขวาเส้นทาง 108 ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร จะเจอทางแยกทางด้านขวาเพื่อไปยังอำเภออมก๋อย เป็นเส้นทางหมายเลข 1099 เดินทางไปตามเส้นทางนี้อีกประมาณ 120 กม. มองไปทางซ้าย จะเห็นทางเข้าไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอ

ใส่ความเห็น