๒๐/๒๑ ที่หนึ่งในดวงใจของข้าพเจ้า

วัฒนา พัฒนาภิวัฒน์

    มีคนเคยบอกว่าชีวิตเหมือนละคร ในขณะนั้นข้าพเจ้ารับฟังก็ยังไม่รู้สึกอะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง ข้าพเจ้าและครอบครัวก็ได้เข้าไปสัมผัสกับละครในชีวิตจริง วันนั้นวันที่ข้าพเจ้าได้เข้าไปพบหลวงพ่อจรัญหรือพระธรรมสิงหบุราจารย์ ชีวิตของข้าพเจ้าและครอบครัวก็เริ่มเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมาก จนกระทั่งข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่มันก็เป็นคาวมจริง ข้าพเจ้านายวัฒนา พัฒนาภิวัฒน์ และ นางจรีรัตน์ พัฒนาภิวัฒน์ และบุตรชาย บุตรสาว เป็นหนี้ชีวิตหลวงพ่อจรัญ จนไม่สามารถจะทดแทนบุญคุณได้หมดสิ้น ข้าพเจ้าจึงตั้งใจจะทดแทนบุญคุณของหลวงพ่อจนชีวิตจะหาไม่ ด้วยการกระทำความดีให้มากที่สุดที่ข้าพเจ้าจะกระทำได้

    ประมาณปี ๒๕๔๑ ข้าพเจ้าและครอบครัวประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างมาก เพราะในช่วงนั้นเป็นยุค IMF ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าครอบครัว และเป็นผู้หารายได้คนเดียวในครอบครัวต้องตกงาน ข้าพเจ้าจึงต้องหารายได้โดยการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ที่จตุจักร และห้างบางลำพู สาขางามวงศ์วาน วิถีชีวิตของข้าพเจ้าเปลี่ยนไป รายรับน้อยลง รายจ่ายสูงมากขึ้น ข้าพเจ้าจำเป็นต้องให้ภรรยาและลูกๆ ไปอยู่ต่างจังหวัดเพื่อลดค่าใช้จ่าย ส่วนตัวเองต้องทำงานหนักอาทิตย์ละ ๗ วัน เวลาผ่านไปเกือบ ๒ ปี ข้าพเจ้าเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ข้าพเจ้าจึงให้ภรรยาและลูกๆ กลับมาอยู่ที่กรุงเทพ ฯ อีกครั้ง แต่รายรับก็ยังคงมีไม่มาก พอดีข้าพเจ้าได้หนังสือของหลวงพ่อจรัญมา ๑ เล่ม เป็นหนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม ๘ พิเศษ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอยากไปปฏิบัติธรรม จึงได้ไปวัดครั้งแรก ๕ วัน หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็เริ่มค้าขายดีขึ้นเป็นลำดับ ข้าพเจ้าเริ่มขยายกิจการเล็ก ๆ ของข้าพเจ้าจนโตขึ้นเป็นลำดับเรื่อยมา และข้าพเจ้าได้ย้ายร้านจากห้างบางลำพู งามวงศ์วานมาอยู่แถวสุริวงศ์ ส่วนที่จตุจักรก็ขยายร้านขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๑

    ข้าพเจ้าสวดมนต์ตามบทที่หลวงพ่อท่านให้มาคือ พระพุทธคุณเท่าอายุบวก ๑ ตลอดมาทุกวัน และบางวันก็ทำสมาธิด้วย เช่นเดิน ๓๐ นาที นั่ง ๓๐ นาที ข้าพเจ้าค้าขายดีขึ้นเรื่อยๆ มีคนเอาของมาขายให้ไม่แพง และสามารถขายได้ง่ายๆ ความคิดที่จะไปกู้ยืมเงินผู้อื่นก็หายไป ข้าพเจ้าทำสมาธิทุกเช้ามากขึ้น ทำใหข้าพเจ้ารู้ความจริงต่างๆ ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตของตนเอง และมีความอดทนมากขึ้น ขยันมากขึ้น มีเมตตามากขึ้น และคิดจะทำบุญมากๆ โดยเฉพาะกับหลวงพ่อจรัญ จึงทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจในการดำรงชีวิตอย่างมีสติต่อไป

    ข้าพเจ้าขอเล่าประสบการณ์เหตุการณ์สำคัญในชีวิตของข้าพเจ้าดังนี้ ช่วงปี ๒๕๔๓ ในช่วงนั้นข้าพเจ้าต้องขับรถขึ้นทางด่วนจากประชานุกูลไปลงทางด่วนสีลมทุกวัน ตั้งแต่วันจันทร์ –วันศุกร์ ช่วงเวลา ๑๐.๐๐ – ๑๐.๓๐ น.มีอยู่วันหนึ่งในช่วงกลางปี ๒๕๔๓ ข้าพเจ้าเดินทางออกจากบ้านไปทางด่วนปกติ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.ข้าพเจ้าใช้เวลาเดินทางจากบ้านไปที่ทำงาน ๓๐ นาที ข้าพเจ้าขับรถขึ้นทางด่วนไปประมาณ ๑๐ นาที ปรากฎบริเวณหน้ารถข้าพเจ้ามีควันหนาทึบ ในขณะนั้นข้าพเจ้าตกใจมาก ข้าพเจ้าขับรถด้วยความเร็วประมาณ ๑๐๐ ก.ม ต่อชั่วโมง ช่วงนั้นมีรถมาก รถของข้าพเจ้าอยู่ในช่องขวาสุด รถส่วนใหญ่ขับด้วยความเร็วสูง ข้าพเจ้าพยายามองหาทาง เข้าช่องซ้ายเพื่อจอดรถแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมองกระจกข้างซ้าย – ขวาไม่เห็นและมีรถมาก แถมขับด้วยคาวมเร็วสูงด้วย เวลาผ่านไปไม่ถึง ๒ นาที ควันหน้ารถทึบมากขึ้น จนแทบจะขับต่อไปไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็มีควันเข้ามาในรถเป็นจำนวนมากข้าพเจ้าตกใจมากขึ้น แต่กระจกไฟฟ้าก็ไม่ยอมทำงาน ข้าพเจ้าเกิดความกลัวขึ้นจับใจ

    พอดีข้าพเจ้าเหลือบไปเห็นสติ้กเกอร์รูปหลวงพ่อจรัญ ที่ข้าพเจ้าติดไว้หน้ารถ ทำให้ข้าพเจ้ามีสติขึ้นพร้อมกับมีกำลังใจขึ้นมา ข้าพเจ้าเริ่มสวดพาหุงมหากาในใจ และคิดถึงหลวงพ่อให้ช่วยข้าพเจ้าด้วย พอข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์ว่า  “พาหุง” ควันทึบขาวที่อยู่หน้ารถก็เริ่มจางลงอย่างรวดเร็วแต่ควันในรถยังคงมีอยู่ ข้าพเจ้าจึงลองลดกระจกไฟฟ้าอีกครั้ง ปรากฎว่ากระจกไฟฟ้าเริ่มทำงานได้ ควันในรถจึงค่อยหมดไปอย่างรวดเร็ว ข้าพเจ้าจึงสามารถมองเห็นกระจกด้านข้าง จึงได้นำรถเข้าทางเลนซ้ายจะจอดรถ แต่ปรากฎว่าไม่มีควันให้เห็นแม้แต่นิดเดียว ข้าพเจ้าจึงขับรถต่อไปอีกประมาณ ๑๐ นาที ก็ถึงจุดลงทางด่วนถนสีลม พอข้าพเจ้าเอารถเข้าไปจอดบริเวณที่จอดรถที่ข้าพเจ้าจอดเป็นประจำ พร้อมกับพูดกับพนักงานรับรถว่า  “รถผมมีปัญหาระบบไฟฟ้า ช่วยตามรถลากให้ผมด้วย”  คนรับรถไม่ทราบว่าได้ยินหรือไม่ จากนั้นข้าพเจ้าก็เดินข้ามถนนไปที่ทำงาน พักใหญ่คนรับรถวิ่งหน้าตื่นมาบอกว่ารถของข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเป็นอะไรควันขึ้นเต็มไปหมด แถมมีประกายไฟขึ้นบริเวณหน้ารถ อาจจะเกิดไฟไหม้รถได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นต้องเสียหายมากแน่ เพราะที่จอดรถบริเวณนั้นมีรถจอดจำนวนมาก ประมาณ ๕๐-๖๐ คัน และทางเข้าออกมีทางเดียวเล็ก ๆ เท่านั้น รถที่จอดบริเวณนั้นเป็นรถของพ่อค้าเพชร-พลอย ซึ่งเป็นรถที่มีราคาแพง ข้าพเจ้ารีบตามคนรับรถไปที่จอดรถ สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นในขณะนั้นคือ มีควันขึ้นบริเวณหน้ารถเหมือนตอนอยู่บนทางด่วน คนขับรถลากตะโกนบอกผมว่า  “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่บิดกุญแจรถก็เกิดควันขึ้นเต็มไปหมดทำท่าจะเกิดไฟไหม้”  ข้าพเจ้าจึงรีบไปบิดกุญแจกลับ ควันจึงค่อยๆ หายไปหมดเหมือนเดิม คนขับรถลากบอกกับข้าพเจ้าว่า ขับรถมาได้อย่างไรโดยไฟไม่ไหม้ เพราะปกติแล้วรถต้องเกิดไฟไหม้ไปแล้ว บางครั้งคนขับรถต้องเสียชีวิตในรถเพราะลงจากรถไม่ได้ เขาบอกว่าเขาลากรถยี่ห้อหนึ่ง ที่เป็นลักษณะนี้บ่อย ส่วนใหญ่รถจะไฟไหม้ แต่ยังแปลกใจ มากว่าทำไมข้าพเจ้าไม่เป็นอะไร เมื่อลากรถไปถึงอู่แล้ว ช่างซ่อมรถบอกข้าพเจ้าว่า หลังจากตรวจสอบหมดแล้ว พบว่าระบบไฟฟ้าโดยเฉพาะสายไฟไหม้หมดทั้งคัน ต้องเปลี่ยนสายไฟและวางระบบไฟฟ้าใหม่หมด โชคดีที่ข้าพเจ้าไม่เป็นอะไร และรถไม่ไหม้หมดทั้งคัน ซึ่งปกติต้องเกิดไฟไหม้รถแน่นอน

    จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในอดีต สมัยเด็ก ๆ อายุประมาณ ๑๒-๑๓ ขวบ ช่วงที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่ ม.๑ โรงเรียนนนทรีวิทยา ข้าพเจ้าชอบวิชาวิทยาศาสตร์มาก อาจารย์วิทยาศาสตร์สอนเกี่ยวกับกำมะถัน และข้าพเจ้าได้เก็บเอากลับมาบ้านด้วย และได้ทดลองโดยการเอากำมะถันเผาไฟ ปรากฎว่าควันของมันฉุนมากจนแทบหายใจไม่ออก ในขณะที่ข้าพเจ้าทดลองที่หน้าบ้านอยู่นั้น ได้เหลือบไปเห็นเจ้าคางคกตัวหนึ่ง จึงเกิดคิดว่าเราทดลองเอาคางคกใส่ในถุง และเอาควันกำมะถันใส่ลงไปดูว่าจะเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าลงมือทันที ในขณะนั้นข้าพเจ้ามิได้ตั้งใจจะฆ่ามันแต่อย่างใด ข้าพเจ้ากระทำไปเพราะว่าตัวเองกำลังทดลองเกี่ยวกับควันของกำมะถันนั่นเอง ปรากฎว่าเพียงแค่ ๒-๓ นาที ข้าพเจ้าเอาคางคกออกมาจากถุงนั้นมันตายแล้ว ตอนนั้นข้าพเจ้าเสียใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จนกระทั่งข้าพเจ้ามาประสบเหตุในขณะขับรถ และเปิดกระจกไฟฟ้าไม่ออก และที่มีควันเข้ามาในรถจนเกือบหายใจไม่ออก ข้าพเจ้าหวนนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้อย่างไร ข้าพเจ้าเองก็ยังไม่ทราบ

    หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ข้าพเจ้าเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมมากขึ้น และเคารพรักหลวงพ่อจรัญมากขึ้นไปอีก และตัดสินใจว่าข้าพเจ้าจะขอเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อไปจนวันตาย และจะตั้งใจทำดี คิดดี พูดดี เพื่อตอบแทนพระเดชพระคุณของหลวงพ่อและครูอาจารย์ จะเป็นลูกศิษย์ของครูอาจารย์ และว่านอนสอนง่าย จะเชื่อฟังครูอาจารย์และเคารพรักทั้งกาย วาจา ใจ ตลอดไป

    สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขออัญเชิญพรสี่ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ แก่ทุก ๆท่าน ผู้มีปรกติไหว้กราบ  มีปรกติอ่อนน้อม(ต่อผู้ใหญ่) เป็นนิตย์ ขอให่ทุกๆ ท่านมีอายุยืนยาว มีผิวพรรณผ่องใส มีสุขภาพอนามัยแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ขอให้สำเร็จในหน้าที่การงาน ขอให้พรอันศักดิ์สิทธิ์จงสัมฤทธิ์ผลแด่ท่านทั้งหลาย ขอจงสวัสดีมีชัยตลอดไป

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›