ก๙/๒๗ ไม่เป็นไร

พล.ต.วสันต์ พานิช

 

ก. ชีวิตรับราชการ
ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง อุปสรรคคือหนทางแห่งความสำเร็จ ต้องท่องเที่ยวร่อนเร่พเนจรมีรสเด็ดเผ็ดร้อนหวานอมขมกลืนไปตามดวงชะตาของแต่ละบุคคล บางคนโชคดีก็สบายไป บางคนตกที่นั่งเป็นลูกช่างย้ายหลายครั้งหลายหน ก่อความเดือนร้อนให้แก่ครอบครัว การศึกษาของลูกไม่ติดต่อกัน เสียเวลาเดินทาง ขนย้ายข้าวของจิปาถะ มีการชำรุดแตกหักเสียหาย ย้ายกันบ่อย ๆ เลยเหลือแต่ลูกกับลัง เท่านั้น

    ข้าพเจ้าโชคดีหน่อยถูกย้าย ๓ – ๔ ครั้ง ข้าวของชำรุดเสียหายไม่มากนัก มีชีวิตปฏิบัติงานส่วนใหญ่อยู่ทางภาคอีสานในหน่วยราชการขนาดใหญ่ จะมีสโมสร ด้วยความมุ่งหมายเพื่อให้ข้าราชการได้พักผ่อนหย่อนใจคลายอารมณ์ที่เคร่งเครียด ตรากตรำทำงานทั้งวัน ยังเป็นแหล่งพบปะหารือปรับความเข้าใจ สามัคคีปรองดอง จัดงานรื่นเริงบันเทิงใจตามกาลเทศะ บางคนคลายเครียดมากไปเกิดลืมตัว เกิดความทุกข์เมื่อถึงวันเงินเดือนออก เพราะเจ้าหน้าที่สโมสรส่งบิลให้เจ้าหน้าที่การเงินทำการหักหนี้ทั้งหมด ปรากฏว่าเงินเดือนเหลือเล็กน้อย บางเดือนติดลบ แม่บ้านต้องเดือดร้อนเพราะไปเซ็นร้านเถ้าแก่เป็นประจำอยู่แล้ว เดือนเก่ายังใช้เงินให้ไม่หมด ผลัดมาเดือนใหม่จะเอาไปใช้ แต่เจ้าพระคุณทูนหัว ผัวกลับทำพลิกผันปรวนแปรไปเสีย – การพนันบนสโมสร (บิลเลียด – สนุกเกอร์ – ไพ่ – เหล้า อื่น ๆ มีพร้อมสรรพ) หมดตัวแค่นี้ยังไม่พอ วันไหนมีการแข่งม้าก็ถูกม้ามันเตะซ้ำเข้าไปอีก ก็นึกเสียว่าไม่เป็นไร ซื้อหญ้าให้ม้ากินก็แล้วกัน ไม่ได้นึกถึงลูกเมียเลย กลับไปสงสารสัตว์มันได้ มันเป็นกรรมของเมียที่มาเลือกคู่อยู่กับทหารซึ่งมีคำพังเพยอย่างน่าฟังว่า “มีผัวทหารนับขวด มีผัวตำรวจนับแบงค์” เท็จจริงประการใดไม่ขอวิจารณ์ บางคนชอบเป็นเสือสิงห์กระทิงแรด ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานกันเลย รีบแจ้นขึ้นสโมสร จับไม้คิวแทงบิลเลียดก่อนเวลาแล้ว ฝ่ายกวางทองน้องรักรักษาเวลากลับไม่ได้เล่นจึงร้องสั่งให้เอาเหล้า บุหรี่ กับแกล้ม มากินในเกม ฝ่ายเสือสมิงไม่ขัดต้องเอาใจกวาง กลัวกวางจะอาละวาด ไม่เชียร์แล้วจะเกิดความปั่นป่วนในการเล่นด้วย เผลอแผลบเดียวเหล้าหมดแล้ว เสือมัวแต่แทงเพลินยังไม่ทันจะได้รินเหล้าใส่ปากเลย เสียงกวางร้องให้สั่งมาใหม่อีก ๑ ชุด เสือก็ใจดีร้องสั่งตามใจกวาง เสือต้องระวังการต่อสู้เข้มงวดขึ้น ขืนฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำต้องเซ็นบิลกันหลายอัฐทีเดียว เมื่อฝ่ายใดแพ้ก็ขอแก้ตัว ถ้าได้ชัยชนะก็เล่มเกมเหมา (เกมที่ ๓) คราวนี้ถ้าใครแพ้ก็เซ็นดะทั้ง ๓ เกมเลย รวมเป็นเงินไม่ใช่น้อย บางครั้งเสือทะเลาะชกต่อยกัน กวางก็ทำหน้าที่กรรมการห้ามมวยไปในตัว ส่วนวงไพ่ก็ตั้งหน้าสู้กันทั้งวันคืนไม่ได้หลับนอน จึงเห็นว่าสโมสรเป็นแหล่งที่ให้ทั้งคุณและโทษ โปรดใช้ให้ถูกทางก็แล้วกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้อยู่ทางเดียวคือเงินเดือน เมื่อผีการพนันเข้าสิงสู่ใจเสียแล้ว ทางใช้จ่ายมีมากกว่ารายรับมันก็ไม่พอ เป็นการสร้างหนี้สิน ตั้งตัวไม่ได้ ครอบครัวเดือดร้อน บางคนฐานะดี ไม่เป็นไร ขอเงินทางพ่อแม่มาใช้ทุกเดือนก็ไม่เดือนร้อน ส่วนคนไม่มีรายได้ทางอื่นมาจุนเจือก็ต้องขายของเก่าไปพลาง หรือกู้หนี้ยืมสินมาใช้กันต่อไป จ่าบางคนได้เมียขยันทำมาหากินขายข้าวแกง มีฐานะดีแต่งตัวโก้ มีเงินให้ทหารกู้คิดดอกเบี้ยน่าดูชม สมัยก่อนผู้บังคับบัญชามีนโยบายให้ข้าราชการย้ายไปทำงานอยู่ใกล้ภูมิลำเนาเดิมได้ เพื่อมิให้เดือนร้อนค่าใช้จ่าย ข้าพเจ้าได้รับราชการอยู่ ป.พัน.๓ กองทัพภาคที่ ๒ จ.นครราชสีมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ เป็นเวลา ๕ ปี จึงเรียนขอความกรุณาให้ผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาย้ายมาอยู่หน่วยปืนใหญ่ ในจังหวัดลพบุรี เพื่อจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมบิดามารดาซึ่งเจ็บป่วยอยู่ที่บ้านจังหวัดชัยนาท ผลที่ได้รับกลับถูกย้ายไปอยู่ ป.พัน.๖ จ.อุบลราชธานี ข้าพเจ้าต้องข่มใจอดทน อดกลั้นและมีความซาบซึ้ง เห็นธาตุแท้ของผู้บังคับบัญชา ยังมีวินัยต้องปฏิบัติตามคำสั่งแต่โดยดี คิดเสียว่า ไม่เป็นไร เราได้มีโอกาสได้รู้จักผู้บังคับบัญชาและเพื่อน ๆ ในกองพันนี้ ข้าพเจ้าได้รับตำแหน่ง ผบ.ร้อย.ป.ที่ ๓ ซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ มีนายทหาร นายสิบ บรรจุไว้ไม่กี่คน (เจ้าหน้าที่โครง) และกำลังเรียกทหารเกณฑ์เข้ามาในปีนั้นด้วย อาคารโรงเรือนยังก่อสร้างไม่เสร็จ อยู่ในป่า พื้นที่ก่อสร้างมีแต่ตอไม้เต็มไปหมด พวกเราต้องทำงานหนักแข่งกับเวลา หน้าฝนใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าไม่มีโรงเรือนชั่วคราวจะลำบากมาก จึงระดมพลเท่าที่มี แยกแบ่งงานก่อสร้างโรงเรือนชั่วคราว มีโรงสอน และโรงเลี้ยงอาหาร เสาไฟ โดยใช้วัสดุก่อสร้างที่มีอยู่ในป่าเป็นหลัก เช่น เสาไม้ไผ่ – แฝกมุงหลังคา ฯลฯ ทำการปรับพื้นที่ขุดตอไม้เพื่อใช้เป็นสนามฝึก นอกจากนั้นก็ทำการฝึกทหารตามหลักสูตรประจำปีอีกด้วย ไฟฟ้าก็ไม่มีใช้ จำเป็นต้องใช้ตะเกียงรั้วมีแมลง เรือด ริ้น ยุง มากมาย มีเสียงจิ้งหรีด จักจั่น เรไร ร้องดังก้องกังวานไพร ฟังดูก็เพลินดีเหมือนดนตรีสวรรค์ของคนยาก ต่อมากรรมการทางหน่วยเหนือมาตรวจสอบภาคกองร้อย ปรากฏว่า กองร้อย ป. ของข้าพเจ้าได้รับการชมเชย มีเอกสารหลักฐานอย่างสมบูรณ์ ถูกต้อง แล้วก็มีการฝึกประลองยุทธเพื่อทดสอบความพร้อมรบของหน่วยทหารในกองพลที่ ๖ ด้วย วันหนึ่งได้มีโอกาสพบกับผู้บัญชาการศูนย์การทหารปืนใหญ่ ท่านพูดว่า “ลื้อเตรียมตัวย้ายไปโคราช” ข้าพเจ้าก็งง ๆ อยู่ เพราะไม่ได้วิ่งเต้นย้ายกับใคร เข็ดเสียแล้วมีบทเรียนในครั้งก่อน จึงเรียนถามท่านว่า “จะให้กระผมไปอยู่ที่หน่วยไหน” “เดี๋ยวนี้ลื๊อหายตอแหลแล้ว นี่จะให้ไปอยู่ ป.พัน.๒๑ ศป. ขณะนี้ออกสนามมาอยู่โคราช เขตพื้นที่กองทัพภาคที่ ๒” ข้าพเจ้าลาท่านกลับมาบ้านพักระหว่างเดินทางก็ครุ่นคิดว่าเราไปตอแหลกับใครที่ไหน จำได้ว่ามีปากเสียงกับ ผบ.พัน. เมื่อรับราชการอยู่ที่โคราช แต่ก็ไม่รุนแรงอะไรนักทำความเข้าใจกันได้ การย้ายครั้งนี้ข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งเต้นกำลังเพลิดเพลินสนุกอยู่กับงานที่ได้มีส่วนริเริ่มปูพื้นฐานตั้งกองร้อยใหม่ (ร้อย.ป.๓) รู้จักข้าราชการ พ่อค้าประชาชน ทุกอย่างเป็นกันเอง เป็นเวลานาน ๑ ปี ๖ เดือน จึงมิได้คิดจะดิ้นรนไปที่ใดอีก ในไม่นานเกินรอข้าพเจ้าได้รับคำสั่งด่วนทางวิทยุให้รีบไปรายงานตัวที่กองพันใหม่ ตั้งอยู่ข้างกองบิน ๑ โคราช ข้าพเจ้าเตรียมตัวอพยพครอบครัวแทบไม่ทัน แล้วมารายงานตัวต่อ ผบ.พัน. พ.ท.ชม สุคันธรัตน์ (ยศในขณะนั้น) จึงได้ทราบสาเหตุที่มีการโยกย้ายครั้งนี้ ท่าน ผบ.พัน. ได้ให้ข้าพเจ้ากลับไปยังที่ตั้งปกติ จ.ลพบุรี ทำหน้าที่ฝึกทหารใหม่แล้วทยอยส่งมาผลัดเปลี่ยนทหารเก่าเมื่อครบกำหนดปลดปล่อย ส่วน ผบ.พัน. จะคุมกำลังในสนามแต่ผู้เดียว ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติตามคำบัญชาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    เมื่อเหตุการณ์ภายนอกประเทศ (ศึกเดียนเบียนฟู) ได้สงบลงและย่างเข้าหน้าฝน พายุลมแรงพัดหลังคาเต็นท์ฉีกขาดทหารเดือดร้อน นอกจากนั้นนายทหารนักเรียนหลักสูตร ผบ.ร้อย.ป. และ ผบ.พัน.ป. จะต้องทำการซ้อมยิง จำเป็นต้องใช้กองพันนี้เป็นลูกมือสนับสนุน ทางผู้บังคับบัญชาจำเป็นต้องใช้กองพันนี้เคลื่อนย้ายเข้าที่ตั้งปกติตามเดิม แล้วปฏิบัติการสนับสนุนโรงเรียนทหารปืนใหญ่เช่นเดิม ไม่เพียงแต่เท่านี้ยังมีภารกิจพิเศษอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย เป็นต้นว่าได้มีส่วนร่วมการประลองยุทธกับหน่วยทหารราบ หน่วยรถถัง บริเวณพื้นที่ระหว่าง รพ.อนันต์ กับหน่วยพลร่มเอาราวัณ จุดมุ่งหมายเพื่อสาธิตให้นายทหารระดับนายพลผู้ใหญ่ ได้เห็นภาพการรบในการเข้าตี การตั้งรับอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะได้ทราบขั้นตอนการปฏิบัติในการยิงที่หมาย (ด้วยกระสุนจริง) ระยะใกล้ ที่หมายระยะไกล มีการประสานการยิงอาวุธทุกชนิดในแนวต้านทานหลัก (ที่มั่นขั้นสุดท้าย) โดยมีศูนย์การทหารราบเป็นเจ้าของโครงการรับผิดชอบ และมีศูนย์การทหารปืนใหญ่และศูนย์อื่นที่เกี่ยวข้องจัดหน่วยทหารเข้าร่วมสนับสนุน การสาธิตครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการเจ็บป่วย กำลังพลปลอดภัย ได้รับการชมเชยในผลสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่มีบทเรียนตามมาจำต้องแก้ไขโดยเฉพาะตำบลกระสนตก มีกระสุน ๑ นัด กระเด็นกระดอนจากเขาน้อย (สมมุติเป็นที่รวมพลข้าศึก) แหวกอากาศลอยต่ำชนเสาเรือนในหมู่บ้านน้ำจั้น แล้วแฉลบเข้าสวนป่าหลังบ้านหาซากส่วนท้ายกระสุนไม่พบ ไม่มีใครรับผิดชอบ ต่างก็โทษกันระหว่างกระสุนปืนใหญ่กับกระสุน ค. (เป็นของทหารราบ) ซึ่งระดมยิงต่อเขาลูกเดียวกัน ผลสุดท้ายผู้ใหญ่ตัดสินว่าเป็นกระสุนปืนใหญ่ ข้าพเจ้าก็ยอมรับผิดเห็นว่า “ไม่เป็นไร” มีเสาบ้านฉีกไปครึ่งต้นเท่านั้นเอง อยากจะเปิดฟังเพลงกรรมของกู (บุญธรรม พระไม่โทน) ก็ไม่มีขายเสียอีก ส่วนหัวหน้ากองการศึกษา รร.ป. พ.อ.เล็ก แนวมาลี (ยศในขณะนั้น) ท่านเป็นกรรมการร่วมสาธิตครั้งนี้ด้วย ได้เรียกนายทหารที่เกี่ยวข้องมี ผบ.พัน. (พ.ท.ชม สุคันธรัตน์) ข้าพเจ้า (ฝอ.๓), ผบ.ร้อย.ป. ฯลฯ มายืนประชุม ณ บริเวณหลุมกระสุนตก (ต่ำกว่าที่หมายจำนวน ๑ นัด ห่างจากรถถังประมาณ ๕๐ หลา) เวลาเที่ยง (อากาศร้อนจัด หน้ามืดจะเป็นลม หิวข้าวตาลาย) ท่านได้สาธยายบ่อเกิดแห่งความประมาทไม่รอบคอบ จะก่อให้เกิดผลเสียหายคือความตาย ความล่าช้าโอ้เอ้ของศูนย์อำนวยการยิง กว่าจะทำการยิงได้ข้าศึกมันหนีไปหมดแล้ว สุดท้ายท่านถามว่าใครสงสัยอะไรบ้าง ข้าพเจ้ายกมือได้อธิบายชี้แจงด้วยเหตุผลในการสั่งยิงแต่ละครั้งว่าศูนย์อำนวยการยิงไม่ล่าช้า แต่มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่กว่ามาควบคุมสั่งเปลี่ยนหลักฐานการยิงทุกครั้งไป ศูนย์อำนวยการยิงต้องสั่งแก้ไขหลักฐานไปยังหมู่ปืนบ่อย ๆ เลยหมู่ปืนต้องมีความยุ่งยากเอากระสุนเข้า – เอากระสุนออกจากรังเพลิงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ล่าช้าไม่ทันใจคนดู เมื่อเสร็จการสาธิตข้าพเจ้าขึ้นสโมสร หัวหน้ากองการศึกษาไม่เรียกข้าพเจ้าเข้านั่งเล่นไพ่เหมือนแต่ก่อนก็ไม่เป็นไร เป็นการประหยัดเงินไปในตัว นั่งเป็นกวางทองดื่มเหล้าไม่ต้องเสียเงินดีกว่า

    สรุปบทเรียนชีวิตการรับราชการนั้น จะต้องรู้เขารู้เราคือรู้จิตใจนายและคุณนาย ให้ถ่องแท้แน่นอน ควรไปมาหาสู่ท่านให้ถูกกาลเทศะ ประจบด้วยการทำงาน อย่าโต้เถียงนายเดินตามหลังนายเข้าไว้หมาไม่กัด (ระวังเพื่อนมันกัดเอา) แต่อย่าเดินลงเหวกับนายก็แล้วกัน จะหาความเป็นธรรมจากนาย ๑๐๐% มันไม่ได้ ท่านมีลูกน้องหลายคน (เสือ สิงห์ กระทิง แรด) ท่านยังมีกิเลสตัณหาอยู่ เมื่อยามกลัดกลุ้มรุมเร้าร้อนอุรา ไม่สมหวังดังที่คิด จงมีสติสัมปะชัญญะข่มใจ อดกลั้น อดทนหรือเข้าวัดปรึกษาอาจารย์หลวงพ่อ ทำบุญสร้างกุศลให้คลายเครียดลงบ้าง ไม่ควรหาหมอดู สะเดาะเคราะห์ปะเหมาะไปพบหลวงพ่อกอบ หลวงพ่อโกย จะเสียเงินเสียเวลากลับมาเจอหน้าก็ถูกนายเล่นงานอีก เรานึกเสียว่าชีวิตคือละครว่าไปตามบทกลอนที่เขียนไว้ มีทั้งร้ายดีปะปนกันเป็นผู้น้อยต้องก้มประนมกร อย่าทำสูงเด่นในหมู่ไม้เตี้ย จะเป็นอันตรายเมื่อภัยมา จงทำทุกอย่างให้นายรัก – ฝันถึงอยู่เสมอท่านจะได้ดี ยามนายจากระวังตัวให้มาก เหมือนผลัดเปลี่ยนเทวดาประจำวันเกิดของเรา ข้าพเจ้ามารู้ตัวเมื่อสายเถียงกับนายอยู่เรื่อย จึงเอาตัวรอดมาได้แค่นี้ก็ดีแล้ว

ข. งานสร้างรังหอ
ข้าพเจ้าได้มีโอกาสมารับใช้ศูนย์การทหารปืนใหญ่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ นับเป็นครั้งที่ ๒ เราต้องทำงานแข่งกับเวลาเหตุการณ์ไม่ปกติสุข มีการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เตรียมฝึกทหารส่งกำลังไปช่วยประเทศเพื่อนบ้านทำการรบกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ ถือว่าเป็นการป้องกันภัยก่อนจะถึงตัวเรา ข้าพเจ้าต้องเดินทางลงมาประชุมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องในกรุงเทพฯ บ่อยครั้ง เพื่อของบประมาณสนับสนุนการก่อสร้าง ซ่อมแซมอาคารที่พัก สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับหน่วยทหารที่จะส่งไปปฏิบัติการนอกประเทศ และรับทหารเพื่อนบ้านมาอบรมเรียนรู้การใช้ปืนใหญ่ เพื่อนำความรู้กลับไปใช้ในหน่วยปืนใหญ่ของเขา มีความเพลิดเพลินสนุกอยู่กับงานที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่อนิจจาตัวเราอายุย่างเข้ามา ๔๐ ปีกว่าแล้ว ยังไม่มีบ้านช่องจะอยู่เป็นส่วนตัว ต้องอาศัยบ้านหลวงอยู่เรื่อยมาจำเป็นต้องสะสมสิ่งอุปกรณ์ก่อสร้างเอาไว้บ้างเป็นบางอย่าง โดยเฉพาะไม้กระดาน (เลื่อยด้วยมือ) พอหาซื้อได้ในแถวถิ่นนี้ มีพรรคพวกรับอาสาจะติดต่อดำเนินการให้ตามต้องการวันที่ ๒๘ ก.ย. ๒๕๑๐ ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากหลวงพ่อจรัญ เปิดอ่านดูรู้สึกตื่นเต้น ตกใจ มีข้อความสรุปได้ว่า “เจ้าหน้าที่ลับมาสืบดูเรื่องไม้ มีบ้านผู้ใดบ้าง เผอิญพบ – ทราบในบ้านของท่าน เลยเจ้าหน้าที่เงียบไป ไม่เสนอแต่ประการใด สรุปแล้ว (เรื่องนี้ไม่เป็นไร) ขอให้ท่านรีบติดต่อเรื่องใบอนุญาตให้ได้มาเร็ว ๆ ที่สุด ความในทราบตี ๒ นี่เอง” นี่แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อท่านห่วงใยไม่ทิ้งลูกศิษย์ ยังมีเมตตากรุณาส่งข่าวลับให้เตรียมตัวล่วงหน้า ข้าพเจ้าได้ทำการแก้ไขโดยให้ช่างเอาไม้ระแนงมาตีล้อมใต้ถุนบ้านไว้ก่อน มีของอยู่จำนวนน้อย เมื่อเจ้าหน้าที่มาเอาก็ยินดียกให้ไปเลย แต่อย่างไรก็ยังมีความเชื่อมั่นในคาถาที่ว่า “ไม่เป็นไร” และก็ไม่เป็นไรจริง ๆ เสียด้วย

ค. หมอเปลี่ยนใจไม่ผ่าตัด
ในปลายปี ๒๕๑๐ ภรรยาของข้าพเจ้าเจ็บป่วย เวลาไอ, จาม มีเลือดออกปนกับเสมหะ นำไปตรวจ-เอกซเรย์ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ปรากฏว่าเส้นหลอดลมฝอยแตก หมอสัมพันธ์ฯ เจ้าของไข้จะประชุมหารือจะผ่าตัดหรือรักษาทางยา แต่ได้ทราบข่าวไม่ยืนยันว่าผ่าตัดดีและหายเร็ว ข้าพเจ้าจึงเดินทางไปปรึกษาหลวงพ่อจรัญ ในเรื่องนี้ พระคุณเจ้าได้พูดว่า “ไม่เป็นไร หมออาจจะเปลี่ยนใจไม่ผ่าตัด” เมื่อข้าพเจ้ากลับไปที่โรงพยาบาลพบหมอ ขอทราบผล ปรากฏว่าหมอไม่ผ่าตัด ให้รักษาทางยาและให้คนป่วยกลับบ้าน มาตรวจตามหมอนัด จนกระทั่งโรคร้ายได้บรรเทาเบาบางลง

ง. ซัดดะแทบไม่เหลือ
ตอนสายวันหนึ่งภรรยานายฉลองฯ เดินเข้ามาหาแบบซึมเศร้านัยน์ตาแดงเหมือนไม่สบาย ข้าพเจ้าได้ถามความเป็นไป เขาได้เล่าว่าสามีขับรถชนทหารตาย เจ้าตัวหนีเถ้าแก่ถูกคุมตัวอยู่ที่โรงพัก อยากจะมาปรึกษาท่านจะช่วยได้อย่างไร? เพื่อขยายความให้ผู้อ่านได้ทราบความเป็นมาสักเล็กน้อย เรื่องมีอยู่ว่า พลทหารฉลองเคยรับใช้อยู่ใกล้ชิดได้ส่งไปรบในเวียดนาม เมื่อเดินทางกลับประเทศไทยประมาณปี ๒๕๑๒ ระหว่างรอการบรรจุเข้ารับราชการได้ทำงานรับจ้างทำเหล็กดัดอยู่กับเถ้าแก่ และเถ้าแก่รับงานไว้มากเร่งระดมทำทั้งวันทั้งคืน การพักผ่อนร่างกายไม่เพียงพอ ได้ขับรถกระบะบรรทุกเหล็กดัดประตูหน้าต่างไปกับเถ้าแก่พร้อมลูกจ้างหนึ่งคนนั่งอยู่ข้างท้าย (ประมาณตี ๔ – ๕) รถได้วิ่งผ่านไปตามถนนเพชรเกษมล่องไปทางใต้ คนขับเกิดหลับใน แต่ยังได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่าซ้ายพรึบ – ซ้ายพรึบ ดังอยู่ริมถนน ทันใดนั้นก็ดังโครม ๆ ใหญ่สะดุ้งตื่น รู้สึกตัวแล้วว่าชนแถวทหารเข้าแล้วไหงเป็นอย่างนั้นไปได้ เสยจากท้ายไปถึงกลางแถวแล้วรถพลิกคว่ำตั้งลำได้อยู่ในคูน้ำข้างถนน ได้ยินเสียงทหารร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด คนขับเกิดสัญชาตญาณป้องกันตัวอย่างฉับพลัน จิตสั่งให้หลบหนีไปตั้งตัวกันก่อน เพราะได้ผ่านการรบกับเวียดกงมาแล้วจึงนำยุทธวิธีมาใช้เมื่อข้าศึกรุก จงถอย ฯลฯ จึงบอกกับเถ้าแก่ที่นั่งอยู่ข้างหน้าว่า “เถ้าแก่อยู่ก่อน อั๊วอยู่จะถูกเหยียบ และติดคุกแน่ ๆ” ทันใดนั้นก็เผ่นหนีออกทางช่องกระจกหน้ารถทันที (กระจกแตกเป็นรูพอดี) ส่วนเถ้าแก่และลูกน้องนั่งงงอยู่ในรถ (นึกถึงความซวยต้องเสียเงินหรือติดคุกเท่าไรก็ไม่รู้ มันทำกูอีกแล้ว) ฝ่ายผู้คุมแถวได้ยินเสียงทหารในแถวร้องตะโกนรับกันมาเป็นทอด ๆ สั่งให้หยุด – หยุด พอรู้เรื่องเข้าเขาก็สั่งให้แถวหยุด กว่าจะหยุดได้วิ่งมาหลายสิบเก้า ทหารก็กรูกันมาที่รถคุมตัวเถ้าแก่และลูกน้องไว้ รีบส่งทหารบาดเจ็บไปโรงพยาบาล แล้วจัดการแจ้งความที่โรงพักให้เจ้าหน้าที่มาสอบสวนที่เกิดเหตุเป็นการด่วน ปรากฏว่าทหารเสียชีวิตหลายคน และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง เกือบหมดแถว เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาเถ้าแก่เป็นคนขับรถโดยประมาทจะต้องดำเนินคดี เถ้าแก่ปฏิเสธบอกว่าคนขับชื่อฉลอง มีลูกน้องเป็นพยาน ทางเจ้าหน้าที่สะกดรอยติดตามคอยดักจับกุมตัวนายฉลองฯ อยู่เป็นเวลานาน แต่ไม่ได้ตัว ทางญาติผู้ตายได้ตกลงยอมความโดยเรียกค่าเสียหายจากเถ้าแก่ แต่เรื่องก็ยังไม่ยุติลงได้ ข้าพเจ้ารู้สึกนึกสงสารเถ้าแก่ แกตกเป็นแพะรับบาปแทนนายฉลอง มันขัดกับกฎแห่งกรรม จึงแนะนำให้ภรรยาบอกให้นายฉลองมามอบตัวรับสารภาพผิดจะได้รับโทษทัณฑ์ลดน้อยลง ขอให้ไปพบหลวงพ่อจรัญก่อน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อให้พระคุณเจ้าได้แนะนำช่วยเหลือ แล้วก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ทหารเสียชีวิตด้วย แล้วภรรยาของนายฉลองได้ลากลับไป ข้าพเจ้าครุ่นคิดเป็นห่วงคิดว่าเรื่องคงจะเรียบร้อย เวลาได้ผ่านไปนานพอดู ภรรยาของนายฉลองก็เดินทางมาพบและได้บอกให้ทราบว่า สามีได้ไปพบเล่าเรื่องให้หลวงพ่อฟังพร้อมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย หลวงพ่อบอกว่า “อาตมาได้พิจารณาดูแล้วเห็นว่าไม่เป็นไร ขอให้สวดมนต์ทำบุญแผ่กุศลไปให้คนตายก็แล้วกัน หลวงพ่อพูดแค่นี้” ขณะนี้สามีก็ยังไม่ได้ไปมอบตัว เจ้าหน้าที่ก็ติดตามสืบเสาะค้นหาติดตามตัวอยู่ตลอดเวลาจนสามีไม่เป็นอันกินอันนอน เงินไม่มีใช้ครอบครัวเดือดร้อน เดินทางมาหาท่านก็ต้องยืมเงินเขามาเป็นค่ารถในยามนี้ – ขอพึ่งท่านด้วย ข้าพเจ้าได้ฟังก็สงสารและกลุ้มใจไปด้วย จำต้องปลดเปลื้องทุกข์ให้เมียของนายฉลองเท่าที่จะทำได้ไปก่อนและคิดว่าอย่างไรนายฉลองจะต้องยอมมอบตัวต่อเจ้าาหน้าที่ไม่ช้าก็เร็ว ขืนหลบหนีมีแต่ตายลูกเดียว ต่อจากนั้นหลายเดือน นายฉลองได้แอบมาพบข้าพเจ้าและได้เล่าเรื่องคดีที่เกิดขึ้นว่า “ตอนแรกก็คิดจะมอบตัว เมื่อพบหลวงพ่อจรัญท่านบอกว่าไม่เป็นไร ผมก็เลยใช้วิธีเวียดกง หลบซ่อน เจ้าหน้าที่หมดกำลังใจจะติดตาม ฝ่ายญาติเจ้าทุกข์และเถ้าแก่ได้ตกลงยอมความชดใช้ค่าเสียหายให้ ญาติผู้ตายและผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่งทุกอย่างจึงลงเอยด้วยความเรียบร้อย ผมก็ต้องทำงานชดใช้หนี้แทนให้กับเถ้าแก่จนกว่าจะหมด” ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจและดีใจกับเขาเป็นการสิ้นเคราะห์กันที แต่ข้าพเจ้าครุ่นคิดอยู่ในใจว่า คนทำผิดซึ่งหน้า น่าจะได้รับโทษทัณฑ์ แต่รายนี้ได้รับการยกเว้น หรือจะเป็นกรรมในอดีตที่เคยกระทำร่วมกันไว้ และมาชดใช้หนี้กรรมในชาตินี้ หรือนายฉลองมีความสามารถในการหลบหลีกซ่อนเร้น เจ้าหน้าที่ติดตามตัวไม่พบ และคดีจะสิ้นอายุความผสมกันด้วย สุดท้ายเถ้าแก่ซวยคนเดียว ถือว่าเป็นกรรมร่วมสมัยต่อเนื่องจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ท่านพระคุณเจ้าได้หยั่งรู้แล้วว่าไม่เป็นไร เป็นการชดใช้กรรมเก่าคดีจึงยุติลงด้วยดี

จ. เมื่อกรู่ช่วยลูก
ข้าพเจ้าได้รู้จักคุณกรู่ ทรัพย์ทอง, ครูหนุน ทำนอง, ครูสมพงษ์ โพธิ์ศรี และฯลฯ เป็นอย่างดี ได้ร่วมเป็นกรรมการร่วมประชุมกิจการพัฒนาวัดอัมพวันกันอยู่เสมอ จนมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คุณกรู่มีอารมณ์สนุกครึกครื้น พูดจาเปิดเผย มีอะไรก็เล่าสู่กันฟัง มีวาทศิลป์ ตลกขบขันโปกฮา เป็นที่สบอารมณ์ของพรรคพวก เป็นคนสนิทใกล้ชิด บริการขับรถให้หลวงพ่ออยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะขึ้นเหนือล่องใต้ กลางวันกลางคืน ดึกดื่น คุณกรู่ไม่เคยปฏิเสธ รับใช้ด้วยความยินดี เต็มใจ จนมีความชำนาญ มีปฏิภาณไหวพริบพิจารณาสังเกตอิริยาบถท่าทาง เดิน ยืน นั่ง นอน การพูดจาของหลวงพ่อตีแผ่ออกมาเป็นตัวเลขได้ เอาไปแทงหวยใต้ดินอยู่เสมอ มีทั้งได้ทั้งเสีย สรุปแล้วถึงจะเสีย หลวงพ่อก็มีค่าทิปรางวัลให้ในฐานะพลขับแสนดี ข้าพเจ้าได้ฟังก็อยากจะลองเสี่ยงดูบ้าง แต่ใจมันเตือนนึกถึงบทเรียนที่ผ่านมาในอดีตมันไม่เคยรวยเพราะหวยใต้ดินเลย คุณกรู่ได้เล่าต่อไปว่า “มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อเรียกให้ขับรถมาพบที่วัด แล้วท่านพูดว่าจะไปธุระบ้านโยมใต้วัด จากนั้นจะเข้าตลาดสิงห์บุรี เมื่อผมขับไปที่บ้านโยมท่านทำธุระเสร็จแล้ว ก็ขับรถกลับมาจะผ่านวัดอยู่แล้ว ท่านกลับให้แวะวัดขอเปลี่ยนรองเท้าก่อน ผมก็ขับรถเลี้ยวเข้าวัด ความคิดมันผุดขึ้นมาทันทีเลย ว่าให้ดูเลขรองเท้า เมื่อท่านถอดรองเท้าเก่าออก ผมก็พลิกหงายดูเบอร์จดเอาไว้ ท่านหยิบคู่ใหม่ ผมก็รีบรับหงายดูเบอร์แล้วก็จำเอาไว้ ผมก็ขับรถยิ้มตลอดทางนึกในใจว่าหลวงพ่อเสียท่าเราแล้ว งวดนี้เจ๋งเป๋ง ไม่บอกใคร” พวกเรานั่งฟังหัวร่องอหาย พอถึงวันลอตเตอรี่ออกฟังวิทยุประกาศปรากฏว่ามันกินสะบัดช่อ จอดไม่ต้องแจวเลยเชียวแหละ

    เมื่อไม่นานมานี้ข้าพเจ้าไปวัดนั่งรอหลวงพ่ออยู่ห้องรับแขกชั้นล่าง ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ลอยมากระทบหูเขาบอกว่าใครฝันเห็นหลวงพ่อต้องตีเป็นเลข ๗ เป็นเลขประจำตัวของท่าน เขาวิ่งกันถูกมาแล้ว เมื่อข้าพเจ้ากลับมาบ้านอยู่หลายเดือนก็ฝันเห็นหลวงพ่อกวักมือเรียกเข้าไปหา ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจคงจะได้พระ ปรากฏว่าท่านหยิบปลาย่าง ปลาเกลือมาให้ ข้าพเจ้าก็รับไว้ทันใดนั้นก็ตื่นขึ้นมานึกถึงลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่อเคยพูดไว้เลขประจำตัวของท่านเป็นเลข ๗ ก็คิดในใจว่าจะซื้อลอตเตอรี่เลขท้าย ๗๘ แต่ตามแผงไม่มีขายเลยไม่ซื้อ งวดนั้นเลขท้ายบนออก ๘๘ โชคดีที่ไม่ได้ซื้อลอตเตอรี่และหวยใต้ดิน จึงขอบอกญาติโยมว่าเลขประจำตัวท่านเปลี่ยนจากเดิมไปแล้ว อย่าคิดว่าเป็นเลข ๗ เสมอไปนะ

    คุณกรู่สร้างฐานะตั้งตัวได้รวดเร็วเพราะความขยันอดทน ส่งเสียเงินทองให้ลูกได้รับการศึกษาดีกันทุกคน มีลูกบางคนสอบข้อเขียนได้ แต่ตัวเบาไม่ได้เกณฑ์ที่กำหนด มาปรึกษาพ่อให้ช่วยวิ่งเต้น คุณกรู่ก็ไม่รู้จักใครขืนวิ่งจะเสียเงินเปล่า จึงนั่งคิดนอนคิดทั้งวันทั้งคืน ไม่เป็นไรเทวดาดลใจนึกถึงม้าแข่งมันมีการถ่วงน้ำหนักเท่านั้นแหละ คุณกรู่ก็ส่งข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ออกมาทันที ผลที่ออกบอกวิธีดำเนินการเป็นขั้นตอน เมื่อนำไปประยุกต์ใช้ปรากฏว่าได้ผลสำเร็จตามคาดหมาย คุณกรู่เอามือป้องปากกระซิบกับข้าพเจ้าว่า “ผมบอกเสธ. ได้คนเดียวนะ เพราะรักจึงบอกให้” ขอให้คุณกรู่จงไปดีในสุคติภพเถิด

    ส่วนอาจารย์หนุน ทำนอง เป็นบุคคลสำคัญมีความสามารถรอบตัวทุ่มเททั้งกายใจ มีความเสียสละอดทนช่วยเหลือกิจการงานพัฒนาวัดมาตั้งแต่ต้น นับว่าเป็นกำลังช่วยเหลือหลวงพ่อตลอดเวลา เหมือนเงาติดตามตัวทุกฝีก้าว เป็นเลขาประจำตัวทั้งร่าง – โต้ตอบ – พิมพ์ – ติดตาม – ประสานงานการประชุม – ต้อนรับ แล้วงานประจำก็คือสอนลูกศิษย์ งานหลวงก็ไม่ขาด งานวัดก็ไม่เสีย ไม่เป็นไรยังได้มรรคผลกุศลส่ง ข้าพเจ้าก็ขอแสดงมุฑิตาด้วยใจจริง

ฉ. ถูกนิมนต์เจิมโรงฆ่าสัตว์
ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องของคุณกรู่แล้วก็เลยนึกถึง คุณเจือ ศรีนาด มีความสนิทสนมกันมาก ขยันเดินทางไปหาข้าพเจ้าที่บ้านพักลพบุรีอยู่เสมอ มีเรื่องฝากลูกหลานไปเวียดนาม วันหนึ่งคุณเจือได้พูดเรื่องการนิมนต์พระไปงานในต่าง ๆ ถ้าเป็นงานมงคลไม่ขัดต่อศีลธรรมแล้วเป็นการดีมาก ถ้านิมนต์ไปทำพิธีอัปมงคลแล้วจะมีแต่จะทรุดลง ข้าพเจ้านั่งฟังดู เอเข้าท่าดี จึงได้ซักถามคุณเจือว่า “ช่วยชักตัวอย่างมาให้ดูทีซิที่ว่าไปงานอัปมงคลมันงานอะไรกัน” คุณเจือก็ได้สาธยาย (พร้อมทั้งแช่งทั้งด่าไปในตัวเสร็จ) สรุปใจความว่าได้มีเจ้าของโรงงานฆ่าสัตว์มานิมนต์หลวงพ่อจรัญไปงานพิธีเปิดโรงงานฆ่าสัตว์ แล้วก็ขอให้เจิมป้ายโรงงานให้ด้วย “แล้วหลวงพ่อท่านไปหรือเปล่าล่ะ” “ท่านต้องไปเพราะเจ้าของเจาะจง เขานับถือท่านอยู่แล้ว” “เออ แล้วกิจการของเขาเจริญไหมล่ะ” “มันเปิดทำอยู่ได้ไม่เท่าไหร่ก็ล้มเปลี่ยนกิจการไปเลย ก่อนจะเจิมหลวงพ่อบริกรรมคาถาบทไหนก็ไม่รู้ซิ มันมีอย่างที่ไหนอยู่ดีไม่ดีมันจะทำให้พระศีลขาดเสียแล้วไหมล่ะ” ข้าพเจ้าได้ฟังแล้วก็นึกขำอยู่ในใจแต่ต้องอภัยบางคนเขาไม่รู้ซึ้งนึกว่าไม่เป็นไรคงเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมันเป็นอาหารของมนุษย์จะเปรียบเทียบเรื่องพระสังข์ทอง เจ้าเงาะป่าบ้าใบ้ รูปกายในเป็นทองหาปลาได้เก่งกว่าลูกเขยคนอื่นด้วยการอธิษฐานจิตเอาเฉพาะปลาที่จะถึงที่ตายแล้วเท่านั้น (ปลาก็กระโดนขึ้นมาเอง) คงจะเข้ากันไม่ได้แน่ จะรับแต่วัวแก่ ๆ ใกล้ตายแล้วมาฆ่าก็คงไม่มีใครกิน หลวงพ่อไม่มาก็ไม่ได้ จะขัดใจกัน จะปฏิเสธไม่ว่างก็ไม่เข้าที เพราะในสมุดบันทึกไม่มีรับรายอื่น จะผิดศีลอีกมันทั้งขึ้นทั้งล่อง ครั้นจะให้พรกิจการโรงฆ่าสัตว์จงเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น ท่านก็กลัวพากันกลิ้งลงสู่นรกโลกันต์เป็นแน่แท้ หรือบางคนชอบก็ไม่เป็นไรจะได้มีประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังก็ดีเหมือนกัน

    ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคลเป็นพระสุปฏิปันโน มีอภิญญาวาจาศักดิ์สิทธิ์ ท่านใช้คำพูดเป็นคำกลาง ๆ ว่าไม่เป็นไร อยู่เสมอ ผู้ฟังก็มีความสบายใจไม่ต้องคิดพะวงห่วงใยอะไรมากนัก ในขณะเดียวกันพระคุณเจ้ายังให้คำแนะนำปฏิบัติแก้ไขให้เหมาะสมกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากร้ายให้กลายเป็นดี จากหนักให้เป็นเบา จากเบาให้เป็นหายเลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตนและเจ้ากรรมนายเวรเป็นสำคัญ

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.htmlหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›