๑๘/๓๓ แสงธรรมนำชีวิตรุ่งเรือง

ปิยวัฒน์ แสงเย็น

    ข้าพเจ้าอายุ ๓๘ ปี เป็นเจ้าของโรงงานเย็บกางเกงยีนส์ยี่ห้อมหายีนส์ ขายทั้งปลีกและส่ง ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ กำลังจะเพิ่มสาขาและโรงงาน ก่อนจะมาพบแสงธรรมนำชีวิตจากหลวงพ่อ ข้าพเจ้าเป็นเด็กมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หาเงินได้แค่วันละไม่กี่บาท เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ามีรายได้ถึง ๔๐๐,๐๐๐ บาท ภายในวันเดียว

    ตอนเด็กข้าพเจ้าลำบากมาก พ่อแม่มีลูก ๘ คน ข้าพเจ้าต้องช่วยพ่อแม่ทำนาตั้งแต่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เมื่ออายุ ๑๔-๑๕ ปี เห็นคนอื่นเขามีอาหารดีๆ รับประทาน มีเสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่ นึกถึงตัวเองแล้วน้ำตาไหล เพราะไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ใส่เลย มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ผิดกับลูกป้าน้าอา เขาค้าขายฐานะดีมีรถใช้ เมื่อข้าพเจ้าว่างจากการทำนาก็จะไปช่วยเขาชำแหละกล้วยบ้าง นำกล้วยไข่ล่องไปขายถึงสิงห์บุรี อ่างทอง และกรุงเทพฯ เขาก็ซื้อบุหรี่ให้สูบ ซื้อเหล้าให้ดื่ม ค่าแรงได้บ้างไม่ได้บ้าง ใช้ชีวิตเที่ยวเตร่ไม่มีแก่นสารอะไร แต่ด้วยยังหวังความก้าวหน้า จึงไปสมัครเรียนการศึกษานอกโรงเรียนที่จังหวัดกำแพงเพชร ยังไม่ทันสอบเทียบชั้นมัธยมศึกษาก็ต้องหยุดเรียนเพราะไม่มีเงิน แล้วตามแม่ไปอยู่กับป้าที่แม่สอด ข้าพเจ้ากับเพื่อนช่วยป้าเผาถ่าน ซึ่งเป็นงานที่เสี่ยงมาก ต้องใช้ความอดทนสูง ข้าพเจ้าเคยพลาดตกลงไปในเตาเผาครั้งหนึ่ง จึงตัดสินใจออกจากบ้านป้า ขณะนั้นมีญาติคือลูกป้าเป็นเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เขากำลังขาดคนพอดีจึงไปอยู่กับเขา แต่เพราะความรู้น้อยและยังอ่อนประสบการณ์ เขาจึงไม่ไว้ใจให้เป็นคนขาย แต่เขามีมอเตอร์ไซค์อยู่หลายคัน จึงให้ข้าพเจ้าขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ใช้เวลาปีกว่าจึงชำนาญทางในกรุงเทพฯ พอย่างเข้าปีที่สอง หัวหน้าวินเขาไม่พอใจว่าข้าพเจ้าเป็นคนต่างจังหวัดมาแย่งอาชีพเขา เขาคอยหาเรื่องอยู่บ่อยๆ ข้าพเจ้าไม่อยากมีเรื่องกับใคร จึงบอกเถ้าแก่ลูกป้าว่าขอกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ไปทำนาอย่างเดิม

    ข้าพเจ้าเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง พอดีช่วงนั้นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของลูกป้ากำลังขายดีมาก เขาเลยให้ข้าพเจ้าขายกางเกงยีนส์ ให้ค่าแรงวันละ ๕๐ บาท ขายตั้งแต่เช้าถึงตีสอง ลำบากมาก จนเขาไว้ใจให้ข้าพเจ้าขายโดยให้เปอร์เซ็นต์ ข้าพเจ้าจึงเริ่มขายเป็น ตระเวนขายเรื่อยๆไปทุกจังหวัด ขายอยู่หลายปีไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยก็กลับต่างจังหวัดอีก มีเงินเหลือไปนิดหน่อย พอเงินหมดก็กลับมาขายอีก ทำเช่นนี้อยู่หลายปี ตอนนั้นข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์บ้างแล้วแต่ยังไม่ถูกต้อง ป้าสอนให้สวดชินบัญชร พอพบหลวงพ่อ ท่านสอนว่าจะสวดคาถาอะไรก็ได้ แต่อย่าข้ามพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

    ข้าพเจ้าไปทำงานขายผ้าอยู่กับน้องสาวแท้ๆ ซึ่งเคยเป็นช่างตัดผ้าในโรงงานมาก่อน แล้วแยกมาทำกิจการส่วนตัวอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ ทำอยู่หลายปีก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา พอกินพอใช้ไปวันๆ

    ข้าพเจ้าได้รู้จักหลวงพ่อเมื่อปี ๒๕๓๕ และได้ทราบคำสอนของท่านจากหนังสือกฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติของหลวงพ่อ ซึ่งถ้านำมาปฏิบัติแล้วจะสามารถแก้กรรมได้ ข้าพเจ้าจึงเริ่มสวดมนต์บทอิติปิโส และพาหุงมหากา พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ตามที่หลวงพ่อสอนให้สวดทุกวัน แล้วเริ่มมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน สวดมนต์ทุกเช้าค่ำ เริ่มมีสติปัญญามาเรื่อยๆ แก้ปัญหาชีวิตได้ พึ่งตนเองได้ สอนตัวเองได้ จากนั้นชีวิตของข้าพเจ้าก็เริ่มดีขึ้น จากที่ใจร้อนก็ใจเย็นลง ตอนที่ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรม ภรรยากับข้าพเจ้าพูดดีกันไม่กี่คำ เดี๋ยวก็ด่าทะเลาะกัน หาความสุขไม่ได้เลย พอเข้าไปกราบหลวงพ่อท่านมองหน้าภรรยาผม แล้วก็สอนว่า สามีภรรยาอย่าทะเลาะกัน เดี๋ยวเงินหนีหมด ภรรยาข้าพเจ้าตกใจ หลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ทำอะไรผิดหลวงพ่อรู้หมดทุกเรื่อง

    หลวงพ่อให้คำกลอนสอนว่า พูดดีเข้าใจง่าย พูดร้าย เข้าใจยาก เขาร้ายมาอย่าร้ายตอบ เขาไม่ดีมาจงเอาความดีไปแก้ไข คนตระหนี่ให้ของที่ต้องการ คนพูดเหลวไหลเอาความจริงใจไปสนทนา ทานสูงสุดคือการให้อภัยกัน ใจเย็นเหมือนน้ำแข็งจะลอยเหนือน้ำได้ ใจร้อนเหมือนไฟเผาบ้านเรือนไหม้หมด คนใจร้อนหายใจสั้น จำทำอะไรเสียหมด ขาดเหตุผล

    ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้ากับภรรยาก็ไม่ทะเลาะกันอีกเลย คิดถึงคำหลวงพ่อที่ว่า เรารักเขา เขาก็รักเรา เราเกลียดเขา เขาก็เกลียดเรา เราอยากให้เขาเมตตาเรา เราก็ต้องมีเมตตาเขาก่อน อยากให้เขาช่วยเรา เราก็ต้องช่วยเขาก่อน

    ก่อนที่ข้าพเจ้าปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าหายใจสั้นมาก หลวงพ่อสอนว่า หายใจให้ถูก หายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ หายใจเข้ายาว หายใจออกยาว ข้าพเจ้ามาปฏิบัติ ๘-๙ ครั้ง ครั้งละ ๗ วัน ถึงจะกำหนดได้ถูกวิธี หลวงพ่อสอนว่าเหมือนปลูกมะม่วง ไม่ใช่ปลูกแล้วจะได้กินผลเลย ต้องรอเวลา

    ข้าพเจ้ากลับมาจากวัดแล้วก็ทำเป็นกิจวัตรทุกวัน วันไหนเวลาน้อยก็เดินจงกรม ๓๐ นาที นั่งสมาธิ ๓๐ นาที ข้อสำคัญเดินนั่งต้องใช้เวลาเท่ากันจึงจะได้ผล จากนั้นมาชีวิตของข้าพเจ้าก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ข้าพเจ้าผ่อนรถปิคอัพได้คันหนึ่ง ทำให้สามารถมาวัดอัมพวันได้บ่อยขึ้น และพาแม่พี่น้องมาปฏิบัติธรรม น้องชายที่กินเหล้าเที่ยวเตร่ก็มาบวชเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ พอสึกไปแล้วกลับเป็นคนดี ตอนนี้ทำงานเป็นผู้จัดการมีลูกน้องเป็นร้อยคน พี่ชายข้าพเจ้าที่เคยผ่อนส่งรถหลายคันแต่ถูกยึดหมด ข้าพเจ้านำคำสอนหลวงพ่อไปแนะนำให้เขาฟังบ่อยๆว่า คนเราจะทำบุญให้ได้บุญต้องละบาป ถ้าละความชั่วไม่ได้ รวยไม่ได้ ดีไม่ได้ จนกระทั่งเขาเชื่อและมาปฏิบัติธรรม ๓ วันบ้าง ๗ วันบ้าง สองสามครั้ง กลับไปแล้วดีขึ้นกว่าเดิมมาก ผ่อนส่งรถไม่ถูกยึดเหมือนแต่ก่อน

    ต่อมาข้าพเจ้าก็ซื้อบ้าน เป็นบ้านไม้สักทองสองชั้น ทั้งๆ ที่อยู่ในสภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี กิจการของข้าพเจ้าไม่ตก

    ปี ๔๕-๔๖ ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ รถเละหมด แต่ข้าพเจ้าไม่เป็นอะไรเลย รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์

    การได้ฟังเทศน์จากหลวงพ่อบ่อยๆ เป็นผลดีต่อชีวิตมาก ข้าพเจ้าเลิกดื่มเหล้า เลิกเที่ยว แต่ยังคงเล่นหวยอยู่ พอมาถึงวัดหลวงพ่อก็เทศน์เรื่องหวยพอดี เหมือนท่านทราบ ข้าพเจ้าจึงเลิกเล่นหวยตั้งแต่บัดนั้นมา

    สมัยที่ข้าพเจ้าเป็นลูกจ้างขายผ้า ขายเท่าไหร่ก็ไม่รวยสักที ได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันจึงระลึกได้ว่าเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน ข้าพเจ้าเคยขโมยเงินญาติคนหนึ่งประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ข้าพเจ้าจึงนำเงินไปคืนจำนวน ๑,๕๐๐ บาท โดยที่เขาไม่ทราบมาก่อนเลย ท่านเจ้าของเงินก็อโหสิกรรมให้ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าไปขายของที่ไหนของไม่หายอีกเลย ขายดีมาเรื่อยๆ

    เวลามาปฏิบัติที่วัดอัมพวัน ข้าพเจ้าจะล้างชามกับล้างห้องน้ำเป็นประจำ ถ้ามีเวลาว่างก็กวาดลานวัด หน้าโบสถ์บ้าง หน้าศาลหลวงพ่อโตบ้าง เพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน เมื่ออยู่ครบ ๗ วันแล้ว ข้าพเจ้าจะชวนผู้ปฏิบัติธรรมทั้งชายและหญิงขัดห้องน้ำห้องส้วม เคยชวนได้ถึง ๑๗ คน ช่วยกันล้างทั้งวัดประมาณ ๓๐๐ ห้อง

    คุณแม่ใหญ่ท่านแนะนำข้าพเจ้าว่า ถ้าปฏิบัติกรรมฐานเป็นประจำแล้ว วันไหนไม่ปฏิบัติจะเหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง ถึงเวลาแล้วต้องนั่งสมาธิ นั่นแหละจึงจะได้ผล ดังนั้นควรปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะไปขายหรือส่งของดึกขนาดไหนข้าพเจ้ากลับมาก็ต้องเข้าห้องพระก่อน เพื่อปฏิบัติธรรมเจริญกุศลและภาวนาต่อเนื่องเสมอต้นเสมอปลาย

    หลวงพ่อเคยสอนว่า อุปสรรคในการปฏิบัติมีอยู่ ๒ อย่างคือ
๑.ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้ผลจึงเลิกเสีย
๒.ปฏิบัติธรรมแล้วร่ำรวยเจริญก้าวหน้าแล้วไม่มีเวลาปฏิบัติต่อเนื่อง เลิกไปเลย

    หลวงพ่อเคยเตือนลูกศิษย์ของท่านเสมอว่า ถ้าปฏิบัติไม่ต่อเนื่องลุ่มๆดอนๆ ชีวิตเราก็จะดีแบบลุ่มๆ ดอนๆ ไม่เสมอต้นเสมอปลาย
หลวงพ่อบอกว่า ให้หมั่นจำหมั่นจด สิ่งใดให้งด ให้หมั่นจดหมั่นจำ เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง ไม่เรียนหรือจะรู้ ไม่ดูหรือจะเห็น ไม่ทำหรือจะเป็น จะย่ำแย่จนแก่ตาย เมื่อก่อนข้าพเจ้าไม่เคยจดเลย ขายได้เท่าไรก็ไม่จด รายจ่ายเท่าไรก็ไม่รู้ ขาดทุนหรือกำไรเราก็ไม่รู้

    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ ข้าพเจ้าพาลูกน้องไปขายในงานพระธาตุช่อแฮ่ จังหวัดแพร่ พอหมดงานข้าพเจ้าก็กลับบ้านประมาณตี ๔ ตี ๕ ข้าพเจ้าให้หลานซึ่งเป็นลูกของพี่ชายขับรถกลับ เขาหลับในรถข้าพเจ้าพุ่งลงข้างทางในเขตจังหวัดพิษณุโลก รถพลิกคว่ำหลายตลบ กางเกงที่บรรทุกมาตกกระจายเกลื่อนกลาดไปทั่วทั้งถนน ข้าพเจ้าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ นึกถึงคำที่หลวงพ่อบอกในนิมิตว่า “ถ้าหลวงพ่อไม่ขอยมบาลไว้ ปิยวัฒน์ ตายแน่” รถข้าพเจ้าใช้ไม่ได้เลยต้องขายเป็นเศษเหล็กไป แต่คนไม่เป็นอะไรเลย นอกจากถลอกเลือดออก ไม่กี่วันก็หาย ข้าพเจ้าได้สอนให้ลูกน้องสวดมนต์กันทุกคน

    นี่เป็นเรื่องราวชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อยืนยันผลการปฏิบัติธรรมตามคำแนะนำของหลวงพ่อที่ข้าพเจ้าศรัทธาเคารพสูงสุด

 

คณะผู้จัดทำ http://www.jarun.org/contact-webmaster.html
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ บิดา มารดา ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้มีพระคุณ ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรทุกภพ ทุกชาติ

กลับหน้าหลัก ›